พม่า ประเทศที่ภาคธุรกิจต้องจับตามอง อย่าประมาท

พม่า ประเทศที่ภาคธุรกิจต้องจับตามอง อย่าประมาท เดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีประเทศอังกฤษ พร้อมด้วยคณะผู้แทนจาก 10 ผู้นำทางด้านธุรกิจ จะเดินทางถึงประเทศพม่าในวันศุกร์ที่ 13 เมษายน 2555 โดยคณะผู้แทนนั้นเดินทางเข้าไปยังประเทศพม่าในฐานะของนักท่องเที่ยว เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดเกี่ยวกับการคว่ำบาตรที่กำหนดโดยสหภาพยุโรบ

รํฐบาลอังกฤษให้ข่าวกับหนังสือพิมพ์ว่า “เราไม่ได้ไปด้วยเหตุผลภารกิจของการค้า พวกเราจะไปพม่าด้วยเหตุผลของภูมิศาสตร์และการเลือกตั้งที่ผ่านมาซึ่งนำไปสู่​​ผลในเชิงบวก”

“รัฐบาลพม่ามีนโยบายกีดกันทางการค้าที่ยังคงกรณีอยู่ ฉนั้น 10 คณะผู้แทนทางด้านธุรกิจ จึงมาเพื่อทำโครงการเกี่ยวกับวัฒนธรรม พวกเขาจะเป็นเช่นักท่องเที่ยว

ขณะนี้ บริษัทต่างๆจากทางตะวันตกกำลังแย่งกันที่จะเป็นกลุ่มแรกที่จะเข้าทำธุรกิจในพม่าหลังจากที่การคว่ำบาตรถูกยกเลิก

นอกจากนี้ยังมีคู่แข่งจากจีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศไทยเราด้วยเหมือนกัน ซึ่งในกลุ่มนี้ได้สร้างฐานที่มั่นไว้อย่างดีเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรจากประเทศพม่า ยกตัวอย่างเช่น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รวมไปถึงถ่านหิน แร่นิกเกิลและอัญมณี, นอกจากนี้พม่ายังเป็นผู้ส่งออกข้าวและไม้

ในขณะนี้ เดวิด คาเมรอน อยู่ระหว่างการเดินทางเยือนประเทศต่างๆในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งมาเลเซียและอินโดนีเซีย พร้อมกับคณะผู้แทนจาก 35 ผู้นำธุระกิจ ยกตัวอย่างเช่น Shell, BAE Systems และ BHP Billiton

ขณะนี้ประเทศพม่าเป็นประเทศที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากสำหรับภาคธุรกิจ FarmKaset.ORG ได้เข้าร่วมการสัมนาเตรียมความพร้อมสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) นอกจากประเทศจีน และสิงคโปร์ แล้ว อีกประเทศหนึ่งที่ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมากก็คือประเทศพม่า ด้วยเป็นประเทศที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติมากมาย และสภาพภูมิประเทศที่อยู่ระหว่างประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกสองประเทศ คือประเทศจีน และประเทศอินเดีย จึงทำให้พม่า เป็นประเทศที่มีนักธุรกิจได้พยายามแข่งขันกัน เพื่อแย่งชิงการเข้าไปทำธุรกิจในประเทศพม่า ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยของเรา

พวกเราเองก็ต้องนับถอยหลังเตรียมความพร้อมสู้การเปิดเสรีทางการค้าในปี 2558 หรืออีกสามปีข้างหน้านับจากวันนี้ เชื่อได้ว่าจะต้องมีผลกระทบต่อทุกคน และทุกภาคธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนย้ายของบุลากรภาคแรงงาน ที่จะทำให้หลายๆคนปวดหัว การเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลงอย่างมากมาย ด้านต้นทุนการผลิต การทะลักเข้าของสินค้าจากจีนและเวียดนาม หรือถ้าร้ายกว่านั้นจากกัมพูชา ที่จะเป็นสินค้าซ้ำซ้อนกับสินค้าเกษตรของไทยเราเอง เราคงไม่อยากเห็นคนไทยซื้อข้าวถุงที่มาจากเวียดนาม ซื้อพริกและมันสำปะหลังจากกัมพูชา ซื้อแอบเปิ้ล สาลี่จากจีน(แอปเปิ้ลกับสาลี่อันนี้เป็นอยู่แล้ว)

ส่งความคิดเห็น