ปลูกแก้วมังกรแบบอินทรีย์ในพื้นที่ดินทราย

ปลูก แก้วมังกร แบบอินทรีย์ในพื้นที่ดินทราย แก้วมังกร มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกากลาง แถบหมู่เกาะเวสต์อินดีส โคลอมเบีย กัวเตมาลา และเวเนซุเอลา  แก้วมังกร เข้ามาในเอเชียโดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศสที่นำมาปลูกในประเทศเวียดนาม ถึงปัจจุบัน ที่เวียดนามปลูกกันมากจนกลายเป็นผลไม้ท้องถิ่น ปลูกเป็นไม้ผลหลังบ้าน บริเวณที่ปลูกกันมากคือ แถบชายฝั่งทะเลตะวันออกจากเมืองนาตรังทางเหนือลงไปทางใต้ถึงนครโฮจิมินห์

แก้วมังกร เป็นไม้เลื้อย มีอายุยาวนานหลายปี ลำต้นมีลักษณะเป็น 3 แฉก มีสีเขียว อวบน้ำ ซึ่งแท้จริงคือใบที่เปลี่ยนรูปไป ส่วนลำต้นที่แท้จริงอยู่ในตำแหน่งที่เป็นศูนย์กลางของแฉกทั้ง 3 บริเวณตาข้าง จะมีหนาม 1-5 หนาม ดอกจะเกิดบริเวณกิ่ง ในช่วงเดือนเมษายนถึงตุลาคม ดอกจะบานในช่วงหัวค่ำจนถึงเช้า หลังดอกบานและติดผล ผลจะพัฒนาจนสุกแก่ เนื้อจะมีสีเหลือง สีขาว สีชมพู หรือสีแดง ขึ้นอยู่กับพันธุ์ และมีเมล็ดสีดำอยู่ภายในเนื้อผล

ในประเทศไทยมีการนำ แก้วมังกร มาปลูกกันมากพอสมควร ซึ่งประสบความสำเร็จในบางพื้นที่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและสภาพของดิน ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดจันทบุรี มีการศึกษาวิจัยและทดลองปลูก แก้วมังกร ในสภาพพื้นที่ดินที่เคยเสื่อมโทรม เป็นดินทรายปรากฏว่าประสบความสำเร็จสามารถหาคำตอบและแนวทางในการจัดการดินเพื่อการเพาะปลูกในพื้นที่สภาพดินทรายสำเร็จแถมใช้ระบบการปลูกแบบอินทรีย์ ระบบปลูกที่ตลาดมีความต้องการต่อผลผลิตมากในทุกวันนี้

ในผลสรุปการปลูก แก้วมังกร แบบอินทรีย์ในพื้นที่ดินทรายระบุไว้ว่า พื้นที่ปลูกควรเป็นพื้นที่ราบ สม่ำเสมอหากเป็นที่ลุ่มน้ำท่วมขังให้ทำการยกร่องปลูกโดยมีระยะปลูก 3x2.5 เมตร หรือ 3x3 เมตร ขุด หลุมปลูกขนาด 50x50x50 ซม. ใส่ปุ๋ยหมักชีวภาพแห้ง อัตรา 20 กิโลกรัมต่อหลุม คลุกเคล้ากับดินให้เข้ากัน จากนั้นนำต้นพันธุ์ 3 กิ่งลงปลูก หลังจากปลูกควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ นำวัสดุคลุมดิน เช่น ฟางข้าว ใบไม้เพื่อรักษาความชื้นและป้องกันวัชพืชบริเวณโดยรอบโคนต้น

แก้วมังกร เป็นพืชทนแล้ง แต่การปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงและมีคุณภาพ จำเป็นต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ต้นมีความสมบูรณ์ การใส่ปุ๋ยให้ใส่ปุ๋ยหมักชีวภาพแห้ง อัตรา 10 กิโลกรัมต่อหลัก ทุก ๆ 3 เดือน รดน้ำหมักชีวภาพ สูตรปลาหมัก อัตรา 1:100 ทุก ๆ 15 วัน และในช่วงให้ผลผลิตสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ควรตัดแต่งกิ่ง แก้วมังกร ที่เป็นกิ่งแก่ผ่านการให้ผลผลิตแล้วกิ่งที่ไม่สมบูรณ์และกิ่งด้านในที่ไม่ถูกแสงแดด กิ่งที่ตัดแต่งออกสามารถนำไปชำเพื่อขยายพันธุ์ หรือย่อยทำปุ๋ยหมักต่อไปได้ในการปลูกที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนยังไม่พบโรคและแมลงที่ทำความเสียหายแก่ผลผลิตจะพบบ้าง เช่น มดคันไฟ ป้องกันโดยใช้น้ำส้มควันไม้ และตัดแต่งกิ่งที่มดเข้าทำลายไปเผาไฟ นกเอี้ยงจิกผลผลิต ป้องกันโดยวิธีการห่อผล เพื่อป้องกันนกทำลายผลผลิต หลังปลูกประมาณ 9 เดือน แก้วมังกร จะเริ่มให้ผลผลิตทั้งนี้ต้องมีการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี การออกดอกหรือติดผลมากน้อย ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของต้นเป็นสิ่งสำคัญ แก้วมังกร จะเริ่มให้ผลผลิตตั้งแต่เดือนเมษายน ถึง ตุลาคม รวมประมาณ 8-12รุ่นหลังดอกบาน 45 วัน สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้

การเก็บเกี่ยวผลผลิต ควรใช้กรรไกรตัดให้มีส่วนของกิ่งติดมากับผลเพื่อป้องกันผลช้ำและเก็บรักษาผลไว้ได้นาน หากเก็บไว้ในตู้เย็น สามารถเก็บไว้ได้นานประมาณ 15 วัน

สำหรับต้นทุนในการปลูกนั้นจะอยู่ที่ 13,120 บาทต่อพื้นที่ 1 ไร่ จะให้ผลผลิตประมาณ 2,800 กิโลกรัมต่อไร่ ขายในราคากิโลกรัมละประมาณ 15 บาท รวมรายได้สุทธิ ในการปลูก แก้วมังกร แบบอินทรีย์ในพื้นที่ดินทรายประมาณ 28,880 บาทต่อไร่ต่อรุ่นที่ปลูก หากต้องการกำไรมากกว่านั้นก็เพิ่มพื้นที่ปลูกควบคู่กับการทำการตลาด

เกษตรกรที่สนใจเข้าไปศึกษาดูงานและขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น.

อ้างอิง:www.dailynews.co.th

ส่งความคิดเห็น