data-ad-format="autorelaxed">
ปาล์มน้ำมัน ที่เพาะขายในทางการค้า จะต้องเป็น ปาล์มน้ำมัน ลูกผสม เทเนอรา TENERA ( D x P ) เท่านั้น ซึ่งชื่อ ทางการค้าส่วนใหญ่จะเรียกชื่อตามสายพันธุ์พ่อ หรือแหล่งผลิต เช่น พันธุ์ ปาล์มน้ำมัน YANGAMBI ได้แก่ ลูกผสม Deli x YANGAMBI หรือพันธุ์ ปาล์มน้ำมัน LA ME คือลูกผสมระหว่าง Deli x La Me นอกจากนี้อาจตั้ง ชื่อตาม แหล่งผลิต เช่น สุราษฎร์ 1, สุราษฎร์ 2 ซึ่งพันธุ์ ปาล์มน้ำมัน เหล่านี้ จะเป็นลูกผสมเทเนอราที่ได้จาก การผสมระหว่าง แม่ดูรากับพ่อฟิสิเฟอราเสมอ โดยแต่ละบริษัทที่ ผลิตจะมีสายพันธุ์ของดูราและฟิสสิเฟอราที่แตกต่างกันเพื่อ ความเหมาะสมของลูกค้า ว่าจะนำไปปลูกในสภาพพื้นพื้นที่ไหนในการการทำ สวน ปาล์มน้ำมัน
นการปลูก ปาล์มน้ำมัน เกษตรกรจำเป็นต้องซื้อพันธุ์ปาล์มน้ำมัน จากแหล่ง ผลิตพันธุ์ ปาล์มน้ำมัน เสมอ เกษตรกรไม่ควรนำ กล้าปาล์มน้ำมัน ที่เกิด จากต้นเทเนอรา ( ที่เกษตรกรปลูกไว้แล้ว ) มาเพาะเมล็ดแล้วปลูกเอง หรือ ซื้อ เมล็ดพันธุ์ที่ได้จาการเก็บ กล้า ปาล์มน้ำมัน ที่เกิดจากต้นเทเนอรา ( หากรู้แหล่งที่ผลิตไม่ควรสนับสนุนครับเพราะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนมาก ทั้งเสียเวลา และความรู้สึก ) เพราะจะทำให้ได้ต้น ปาล์มน้ำมัน ถึง 3 ชนิดในแปลง ได้แก่ ดูรา 25% ฟิสิเฟอรา 25% และเทเนอราที่ด้อยคุณภาพอีก 50% ซึ่งจะให้ผลผลิต เพียง 25 - 50% ของการปลูกโดยใช้พันธุ์ลูกผสมเทเนอราทำให้เกษตรกรสูญเสียรายได้ที่พึงจะได้รับ ประมาณ 32,000 บาท/ไร่ ในการปลูก 1 ปี และสูงถึงประมาณ 64,000 บาท/ไร่ / ปี ( คิดที่ราคาปัจจุบัน มกราคม 2554 ผลผลิต 8 ตัน/ไร่/ปี ) ดังนั้นการเลือกพันธุ์ ปาล์มน้ำมัน คือ พันธุ์ลูกผสมเทเนอรา (DxP) ลักษณะดังนี้
1. พันธุ์ลูกผสมชั่วที่ 1 (F1)
2. ผสมระหว่างแม่พันธุ์ดูรา ( D ) และ พ่อพันธุ่พิสิเฟอรา ( P)
3. โดยผ่านกระบวนการปรับปรุงพันธุ์เพื่อการคัดเลือกพันธุ ปาล์มน้ำมัน
อ้างอิง : http://palmdeedee.blogspot.com/