เนื้อที่เก็บเกี่ยว รวมทั้งประเทศ 7.399 ล้านไร่ เพิ่มขึ้น จากปีที่แล้ว 59,893 ไร่ หรือ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.82
ผลผลิต รวมทั้งประเทศ 27.974 ล้านตัน เพิ่มขึ้น จากปีที่แล้ว 1.058 ล้านตัน หรือ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.93
ผลผลิตต่อไร่ ทั้งประเทศ 3,781 กิโลกรัม เพิ่มขึ้น จากปีที่แล้ว 113 กิโลกรัม หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.08
สถานการณ์การผลิต
จากสถานการณ์ราคาที่เกษตรกรขายได้อยู่ในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่อง โดยราคาหัวมันสดเฉลี่ย ณ เดือนกรกฎาคม กิโลกรัมละ 1.52 บาท สิงหาคม กิโลกรัมละ 1.72 บาท กันยายน กิโลกรัมละ 1.79 บาท และตุลาคม กิโลกรัมละ 1.72 บาท จึงจูงใจให้เกษตรกรหันมาปลูกมันสำปะหลังมากขึ้น โดยทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเนื้อที่เก็บเกี่ยวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเกษตรกร หันมาปลูกมันสำปะหลังแทน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อยโรงงาน ถั่วเขียว ถั่วเหลือง และพื้นที่ปล่อยว่าง ในจังหวัดกำแพงเพชร พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์อุดรธานี สกลนคร มุกดาหาร มหาสารคาม ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา เป็นต้น ถึงแม้ราคามันสำปะหลังอยู่ในเกณฑ์ดีแต่พื้นที่ทางการเกษตรมีอยู่อย่างจำกัด ทำให้ไม่สามารถเพิ่มเนื้อที่เพาะปลูกได้มากนัก ประกอบกับเนื้อที่เก็บเกี่ยวทางภาคกลางลดลง เนื่องจากเกษตรกรปรับเปลี่ยนไปปลูกยางพารา และยูคาลิปตัส ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าในจังหวัดปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว และระยอง ส่งผลให้ภาพรวมเนื้อที่เก็บเกี่ยวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ทางด้านผลผลิตต่อไร่คาดว่าจะสูงขึ้น เนื่องจากราคาหัวมันสดสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรหันมาเอาใจใส่ดูแลรักษาไร่มันสำปะหลัง ถางหญ้า พรวนดิน ใส่ปุ๋ยมากขึ้น ประกอบกับเกษตรกรใช้ท่อนพันธุ์ดี ทำให้ภาพรวมของผลผลิตเพิ่มขึ้น
สถานการณ์ตลาดและราคา
สถานการณ์การขาดแคลนอุปทานธัญพืชในตลาดโลก ในช่วงปี 2549 – 2550 ทำให้ราคา ข้าวสาลี ข้าวโพด และมันสำปะหลังปรับตัวสูงขึ้นมาก ราคามันเส้น มันอัดเม็ด ในช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน สูงถึง 160 – 170 ดอลลาร์ต่อตัน จาก 110 ดอลลาร์ในเดือนมกราคม ขณะที่ราคาแป้งมันก็ขยับขึ้นเป็น 350 ดอลลาร์ต่อตัน จาก 240 ดอลลาร์ต่อตันในเดือนมกราคม คาดว่าประเทศผู้ผลิตจะขยายเนื้อที่ปลูก และเพิ่มผลผลิตธัญพืชมากขึ้น ทำให้ราคาธัญพืชรวมถึงมันสำปะหลังอ่อนตัวลงได้ แม้ว่าความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ มันสำปะหลังจะยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่หากราคาสินค้าทดแทนปรับตัวลดลง ราคาผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังก็คาดว่าจะปรับลดลงตาม