data-ad-format="autorelaxed">
โครงการรับจำนำหัวมันสด
รมช.ภูมิมาแล้ว สั่งเรียกประชุมทุกภาคส่วนดันเปิดโครงการรับจำนำหัวมันสด ดีเดย์ 1 พ.ย.นี้ ผู้ส่งออกหวั่นราคารับจำนำเกินกว่า ก.ก.ละ 3 บาท ทำตลาดส่งออกมันเส้นพัง โรงงานเอทานอลแย่ ข้องใจความต้องการใช้มากกว่าปริมาณผลผลิตไม่มีเหตุผลที่จะต้องรับจำนำมัน
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานการหารือร่วมระหว่าง นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับ 5 สมาคมที่เกี่ยวข้องกับผลผลิตมันสำปะหลัง ประกอบไปด้วย สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย-สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ-สมาคมแป้งมันสำปะหลังแห่งประเทศไทย-สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย และสมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย ถึงนโยบายการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในปีนี้
ผลการหารือปรากฏ นายภูมิ สาระผล ยืนยันที่จะให้มีการดำเนินโครงการรับจำนำหัวมันสดปี 2554/55 เช่นเดียวกับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2554/55 ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ประกาศเดินหน้านโยบายไปแล้ว
ทั้งนี้ โครงการรับจำนำหัวมันสดในปีนี้กลุ่มชาวไร่มันภาคตะวันออกเฉียงเหนือทำหนังสือถึงรัฐบาล ขอให้ดำเนินโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ตามที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงไว้ ด้วยการขอให้กำหนดราคารับจำนำหัวมันสดระหว่าง ก.ก.ละ 3-4 บาท ซึ่งจัดเป็นราคาที่สูงกว่าราคามันเส้นส่งออกทอนกลับมาเป็นราคาหัวมันสดในปัจจุบันที่อยู่ระหว่าง ก.ก.ละ 2.10-2.50 เท่านั้น
โดยผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายการรับจำนำหัวมันสดในครั้งนี้ ได้แก่ ผู้แทนจากสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทยกับสมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย จากเหตุผล 4 ประการ คือ 1)ราคาหัวมันสดไม่ได้ตกต่ำอย่างที่รัฐบาลเข้าใจ เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงที่หัวมันสดออกสู่ตลาด มีเปอร์เซ็นแป้งต่ำ ประกอบกับเป็นมันหนีน้ำ ราคาต้นฤดูจึงไม่สูงมากนัก เมื่อผ่านพ้นจากช่วงนี้ไป ราคาหัวมันสดจะปรับตัวสูงขึ้นตามเปอร์เซ็นแป้งที่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่ราคาจะหยุดอยู่ที่ 2 บาทตลาดปีการผลิตนี้
2)ผลผลิตหัวมันสดส่วนเกินไม่ได้มีปริมาณมากอย่างที่เข้าใจกัน จากตัวเลขสำรวจผลผลิตมันปี 2554/55 ล่าสุดประมาณการผลผลิตไว้ที่ 25 ล้านตันหัวมันสด ในจำนวนนี้ความต้องการใช้ของโรงแป้งมันอยู่ที่ 15 ล้านตัน หรืออาจจะมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับราคาแป้งในตลาดโลก ส่วนที่เหลืออีก 10 ล้านตันหัวมันสด จะแบ่งเป็น ความต้องการใช้ของโรงงานผลิตเอทานอล 2.5 ล้านตัน โรงงานอาหารสัตว์ 1-1.5 ล‰านตัน มากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับราคาข้าวโพด ซึ่งเป็นธัญพืชทดแทน ส่วนที่เหลืออีก 6 ล้านตันหัวมันสด ประมาณการว่าจะถูกผลิตเป็นมันเส้นส่งขายจีน ไม่ต่ำกว่า 3-4 ล้านตัน เท่ากับเหลือมันส่วนเกินที่จะเป็นปัญหาระหว่าง 2-3 ล้านตันหัวมันสด ซึ่งน้อยมาก (ตารางประกอบ) ขณะที่คาดการณ์ความต้องการใช้ถึง 30 ล้านตันหัวมันสด
3)ต้นทุนการปลูกมันสำปะหลังของชาวไร่มันยังไม่ได้ข้อยุติ โดยตัวเลขของกระทรวงเกษตรฯยืนยันว่า ต้นทุนชาวไร่มันอยู่ที่ ก.ก.ละ 1.70 บาท ขณะที่สมาคมการค้ามันสำปะหลังคิดต้นทุนที่ ก.ก.ละ 1.99-2 บาท ณ โรงแป้ง/ลานมัน ส่วนเกษตรกรชาวไร่มันที่ทำหนังสือร้องเรียนมาบอกว่า ต้นทุนไม่ต่ำกว่า ก.ก.ละ 2-2.50 บาท หากยึดถือตัวเลขของกระทรวงเกษตรฯก็เห็นได้ชัดว่า ปีนี้ไม่มีความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องเสียเงินมาเปิดรับจำนำหัวมันสดอีก
4)ผู้แทนโรงงานผู้ผลิตเอทานอลแจ้งว่า ปัจจุบันราคาเอทานอลถูกกำหนดโดยบริษัทผู้ค้าน้ำมัน ปตท./บางจากรับซื้อในราคาลิตรละ 19-20 บาท ซึ่งราคานี้โรงงานเอทานอลยืนยันว่า เป็นราคาต้นทุนจากวัตถุดิบหัวมันสดที่ ก.ก.ละไม่เกิน 2 บาท หรือแทบไม่มีกำไร หากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ตั้งราคารับจำนำสูงเกินกว่าราคาหัวมันสดปัจจุบัน โรงงาน เอทานอลที่ใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบก็ไม่สามารถอยู่ได้
เมื่อมีผู้ที่สนับสนุนและคัดค้านโครงการรับจำนำ รมช.ภูมิจึงเสนอ ให้ทุกฝ่ายกลับไปทบทวนและกลับมาประชุมเพื่อเริ่มต้นโครงการรับจำนำ กันอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 5 ตุลาคมนี้
นายเสรี เด่นวรลักษณ์ นายกสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในปีนี้รัฐบาลไม่จำเป็นต้องเปิดรับจำนำมันสำปะหลัง เพราะแม้ว่าราคาหัวมันสดลดลงเหลือ ก.ก.ละ 2.50 บาท แต่ยังสูงกว่าต้นทุนการผลิตของเกษตรกรซึ่งอยู่ที่ ก.ก.ละ 2 บาท และเมื่อคำนวณเป็นราคาส่งออกมันเส้นอยู่ที่ตันละ 240-250 ล้านเหรียญสหรัฐ แป้งมันตันละ 430-450 เหรียญสหรัฐ จัดเป็นราคาที่ตลาดส่งออกรับได้ อีกด้านหนึ่งปริมาณผลผลิตมันปีนี้คาดว่าจะออกราว 25 ล้านตัน ต่ำกว่าปริมาณความต้องการใช้ซึ่งมีสูงถึง 30 ล้านตัน
นายปราโมทย์ กงทอง นายกสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางสมาคมได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรจำนวนมากถึงราคาหัวมันสดที่ตกต่ำลง จากที่เคยสูงถึง ก.ก.ละ 3.50-3.60 บาท "ส่วนตัวผมเห็นว่ารัฐบาลควรจะประกันราคาหรือรับจำนำมันตามต้นทุนการผลิต ก.ก.ละ 2 บาท บวกกับกำไรอีก 20-30% เพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้"
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทุกคนกังวลอยู่ในขณะนี้ก็คือ รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะกำหนดราคารับจำนำหัวมันสดไว้ที่ ก.ก.ละเท่าไหร่ หากกำหนดราคารับจำนำไว้สูงมากกว่า ก.ก.ละ 3.50 บาท ตามข้อเรียกร้องของชาวไร่มันแล้ว ผลกระทบที่ตามมาก็คือมันสำปะหลังจะไหลเข้าโครงการรับจำนำของรัฐบาล และถูกแปรสภาพมาเป็นสต๊อกมันเส้นหรือแป้งมัน ผู้ส่งออกไม่สามารถขายมันเส้นให้กับจีนได้ สุดท้ายก็จะเกิดปัญหาทุจริตในการระบายสต๊อกมันเหมือนกับรัฐบาลชุดที่ผ่าน ๆ มาอีก
อ้างอิง: http://www.prachachat.net