ธกส.พร้อมเสมอนโยบายเร่งด่วนเพื่อเกษตรกร

ธกส.น้อมรับนโยบายเร่งด่วน 4 เรื่อง บัตรเครดิตชาวนา พักชำระหนี้ จำนำข้าว และกองทุนหมู่บ้าน ยืนยันกระบวนการทำงานของ ธกส.ชัดเจน ปรับตัวได้ทุกรูปแบบ พร้อมเดินหน้าเต็มที่/ประกาศเอาชนะการทุจริตคอรัปชั่น ลบภาพเหลวแหลกของโครงการรับจำนำข้าวในอดีต/มั่นใจรัฐบาลมือถึง ประสานกระทรวงพาณิชย์-คลัง แก้ปัญหาข้าวได้อยู่หมัด

นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธกส.) กล่าวถึงการรับมอบนโยบายช่วยเหลือเกษตรกร จาก นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตามที่นายธีระชัยเดินทางมาพบปะและมอบนโยบายให้ ธกส. เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยนายธีระชัยกล่าวว่า ที่ผ่านมา ธกส.ทำงานได้ผลดี สร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและช่วยส่งเสริมวินัยการออมให้กับเกษตรกร ส่วนจากนี้ไปเน้นและวางกรอบให้ ธกส.ทำงานในเชิงรุกและเข้มข้นมากขึ้น โดยเน้นกลยุทธ์การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานทุกส่วนในการให้ความรู้กับเกษตรกรเพื่อใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเท่ากับเป็นการปรับปรุงเศรษฐกิจฐานราก ลดความเหลื่อมล้ำ ความยากจน และทำให้เศรษฐกิจประเทศภาพรวมขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน

สำหรับรายละเอียดของนโยบายที่รมว.คลังมอบหมายให้ ธกส.มี 2 ส่วนด้วยกันคือ หนึ่ง นโยบายเฉพาะหน้าในการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบอุทกภัย และสอง นโยบายเร่งด่วน 4 เรื่อง ประกอบด้วย นโยบายบัตรเครดิตหรือบัตรสินเชื่อสำหรับเกษตรกร นโยบายการพักชำระหนี้แก่เกษตรกรรายย่อย นโยบายจำนำข้าวและนโยบายกองทุนหมู่บ้าน

สำหรับนโยบายบัตรเครดิตหรือบัตรสินเชื่อเกษตรนั้น นายลักษณ์กล่าวว่าจะเปิดตัวและมอบให้กับเกษตรกรได้ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่จะมาถึง ส่วนนโยบายการพักชำระหนี้นั้น กำหนดพักชำระหนี้ให้กับเกษตรรายย่อยที่กู้เงินจาก ธกส.ในวงเงินไม่เกิน 5 แสนบาท โดยพักทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 ปี ทั้งนี้ ปัจจุบัน ธกส.มีลูกค้าประมาณ 3 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วนลูกหนี้ NPL ประมาณ 6.3 แสนราย เป็นหนี้ NPL รวมประมาณ 7 หมื่นล้านบาท และเป็นกลุ่มที่จะเข้าโครงการพักชำระหนี้ดังกล่าว ทั้งนี้ ธกส.ยังมีนโยบายคู่ขนานกับการพักชำระหนี้ นั่นก็คือการฟื้นฟูการประกอบอาชีพของเกษตรกรไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้สามารถกลับมาเป็นลูกค้าปกติหลังพ้นช่วงพักการชำระหนี้แล้ว

ถัดมาคือนโยบายการรับจำนำข้าว ซึ่งนายลักษณ์กล่าวว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องทำอย่างมีขั้นตอนและรัดกุม โดยเฉพาะการรับจำนำข้าวเปลือกที่ตันละ 15,000-20,000 บาท ที่จะต้องผ่านมติของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กนข.) ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงพาณิชย์กำลังอยู่ระหว่างนำเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการกนข.

“เท่าที่ได้คุยกับท่านรัฐมนตรีในเรื่องนี้ก็คือ ทำอย่างไรไม่ให้เกษตรกรถูกเอารัดเอาเปรียบตอนที่นำข้าวเปลือกมาจำนำ ภาพลบของโครงการรับจำนำในอดีตคือ การทุจริตคอรัปชั่นในกระบวนการบริหารจัดการข้าวเปลือกในสต็อก หรือข้าวสารในโกดังกลาง ซึ่งเราต้องเอาชนะให้ได้ รวมทั้งต้องบริหารจัดการข้าว ต้องระบายข้าวออกไปให้ได้” นายลักษณ์กล่าว

ส่วนนโยบายสุดท้าย คือการสนับสนุนการดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งนายลักษณ์กล่าวว่า ธกส.มีความพร้อมในแง่บุคลากรที่จะเข้าไปทำงานกับกองทุนหมู่บ้านเพื่อสร้างความเข้มร่วมกัน

สำหรับนโยบายจำนำข้าวที่ถูกจับตามองที่สุดนั้น นายลักษณ์ชี้แจงว่า แม้จะต่างกับนโยบายประกันราคาของรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่ไม่เป็นปัญหากับ ธกส. เพราะกระบวนการในการทำงานของ ธกส.มีความชัดเจน สามารถปรับตัวได้ แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือเกษตรกรที่อาจสับสน ซึ่งเป็นหน้าที่ของ ธกส.ในการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจ

“ในเรื่องความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดกับธนาคาร เราก็ต้องดูให้ละเอียดรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงด้านการเงิน ถ้ามีผลขาดทุนก็ต้องมีมติครม.ดูแลอย่างชัดเจน ส่วนความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ ก็ต้องมีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ขณะที่เรื่องการบริหารจัดการข้าวนั้น คิดว่ารัฐบาลชุดนี้มีประสิทธิภาพพอสมควร เพราะรัฐบาลดูแลทั้งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง ซึ่งจะทำงานอย่างสอดประสาน...ที่สำคัญที่สุดคือต้องควบคุมเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นให้ได้” นายลักษณ์กล่าว

ส่งความคิดเห็น