data-ad-format="autorelaxed">
นางสาวดุจเดือน ศศะนาวิน รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ผลจากการที่กรมประมงได้นำสินค้าปลากัดมาแสดงที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้นโยบายควรมีการต่อยอดการเลี้ยงปลากัด เพื่อให้เกษตรกรสามารถพัฒนาตัวเองกลายเป็นอาชีพที่มั่นคง สร้างรายได้ให้กับผู้เลี้ยง กรมประมงได้เล็งเห็นความสำคัญของศักยภาพปลากัดที่สามารถต่อยอดและสร้างอัตลักษณ์ของประเทศซึ่งสามารถสร้างมูลค่าให้กับประเทศ
“ในช่วงปี 2556-2559 กรมประมงได้จัดทำยุทธศาสตร์ปลาสวยงาม ใช้ในการขับเคลื่อนเพื่อให้ปลาสวยงามของไทยมีมูลค่าเพิ่ม กลายเป็นอีกอาชีพหนึ่งของเกษตรกรไทย พร้อมจัดหลักสูตรอบรมเกษตรกรในด้านต่างๆ ตั้งแต่การทำแบรนด์ โปรดักส์ การถ่ายรูปสำหรับเก็บภาพไว้ขาย เรียนรู้การทำตลาดออนไลน์ และการทำเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านมูลค่าของปลากัด และในปีที่ผ่านมามีการประมูลผ่านระบบออนไลน์ ทำให้ปลากัดไทยสีธงไตรรงค์ได้รับการประมูลไปในราคาสูงถึง 53,500 บาท และทำให้รูปถ่ายปลากัดสีทองประกายแสดถูกบริษัทผลิตสมาร์ทโฟนซื้อลิขสิทธิ์นำไปเป็นภาพบนโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดัง จนโด่งดังไปทั่วโลก”
ดร.อมรรัตน์ เสริมวัฒนากุล รักษาการผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการประมง กล่าวว่า กลุ่มผู้เลี้ยงปลากัดไทย มีความสามารถในการปรับปรุงสีปลากัดได้ดี ทำให้เดิมชาวบ้านเคยขายปลากัดแบบขายเหมายกฟาร์มได้ตัวละ 3-5 บาท แต่หลัง กรมประมงได้เข้าไปอบรมวิธีการด้านการตลาด ทำให้รูปแบบการซื้อขายเปลี่ยนไป เกษตรกรรู้จักคัดปลาไว้ขุน เร่งสี ทำให้ขายราคาสูงขึ้น หากเป็นตลาดในประเทศได้ราคาตัวละ 30-200 บาท ส่วนตลาดต่างประเทศในโซนยุโรป สหรัฐอเมริกา ราคาพุ่งขึ้นไปถึงตัวละ 1,000-1,200 บาท
และเพื่ออนุรักษ์ปกป้องรักษาปลากัดไทย ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เรือน อยู่คู่ไทยมาอย่างยาวนาน 200 ปี คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้เสนอให้ปลากัดเป็นสัตว์น้ำประจำชาติ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบพร้อมนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อ ครม. และจะประกาศให้ปลากัดเป็นสัตว์น้ำประจำชาติในวันที่ 23 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้.
source: thairath.co.th/content/1124987