data-ad-format="autorelaxed">
นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ในวันนี้ (1 ตุลาคม 2560) เป็นวันแรกที่ประชาชน ผู้มีสิทธิสามารถนำ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และค่าใช้จ่ายในครัวเรือน กรมบัญชีกลางรับทราบข้อมูลว่าผู้มีสิทธิได้นำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปใช้ซื้อสินค้าที่ร้านธงฟ้าประชารัฐในจังหวัดต่างๆ กันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในจังหวัดชลบุรีมีผู้มีสิทธินำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปเลือกซื้อสินค้าที่ร้านธงฟ้าประชารัฐกันอย่างคึกคัก ซึ่งเจ้าของร้านธงฟ้าฯ กล่าวขอบคุณโครงการดีๆ จากภาครัฐที่ทำให้ร้านของตนขายสินค้าได้มากขึ้น และมีคนเข้ามาเลือกซื้อสินค้ามากขึ้นกว่าเดิม ส่วนผู้มีสิทธิได้รับความสะดวกในการซื้อสินค้าที่ต้องการที่ร้านธงฟ้าประชารัฐเช่นกัน ทั้งนี้ พบปัญหาการใช้งานอยู่บ้างเล็กน้อย เช่น อินเตอร์เน็ตไม่แรง ทำให้การทำรายการบางครั้งล่าช้า ร้านค้ายังไม่คุ้นเคยการใช้งานเครื่องรับเงินสดอัตโนมัติ (อีดีซี) กรมบัญชีกลางมีทีมเทคนิคเข้าช่วยดูแลการใช้งานทุกด้านอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้บุคลากรของสำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัดลงพื้นที่ช่วยดูแลแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วย
“ตัวเลขการใช้บริการช่วงเช้าจนถึง 10.00 น. วันที่ 1 ตุลาคม พบว่า คนใช้สิทธิร้านธงฟ้าประชารัฐแล้วจำนวน 51,870 ราย เป็นเงินประมาณ 12.694 ล้านบาท ส่วน บขส.ใช้สิทธิจำนวน 86 ราย เป็นเงินประมาณ 26,525 บาท โดยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้สิทธิได้ ประกอบด้วย ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในร้านธงฟ้าประชารัฐ 200 บาทต่อคนต่อเดือน (ผู้มีรายได้เกินกว่า 30,000 บาทต่อปี) และ 300 บาทต่อรายต่อเดือน (ผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี) ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ค่าโดยสารรถ ขสมก./รถไฟฟ้า 500 บาทต่อคนต่อเดือน (เฉพาะ กทม.และปริมณฑล) ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อคนต่อเดือน และค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อคนต่อเดือน” อธิบดีกรมบัญชีกลางกล่าว
ทั้งนี้ หากผู้ใช้บัตรมีข้อสงสัยสามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หมายเลขโทรศัพท์ 0-2109-2345 ที่เปิดให้บริการ 150 คู่สาย ซึ่งปกติเปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์-วันศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30-17.30 น. แต่ในวันนี้จะเปิดให้บริการเป็นกรณีพิเศษ 1 วัน ส่วนกรณีสัญญาณอินเตอร์เน็ตมีปัญหา แจ้งโดยตรงได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2208-7992 กรณีมีปัญหาเครื่อง อีดีซี ติดต่อที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2508-5500
source: matichon.co.th/news/681551