data-ad-format="autorelaxed">
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศไทย ตั้งแต่ต้นปี ถึงวันที่11 ตุลาคม 2560 มีทั้งสิ้น 26.9 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นรายได้ทั้งสิ้น 1.37 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมามากที่สุด 4 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ และลาว ส่วนนักท่องเที่ยวจากสหภาพยุโรป (อียู) อเมริกา และโอเชียเนีย ยังขยายตัวต่อเนื่องเช่นกันทั้งจำนวนนักท่องเที่ยว และค่าใช้จ่ายต่อหัว ขณะที่การเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงเทศกาลวันชาติ ระหว่างวันที่ 1 – 8 ตุลาคม 2560 พบว่า ไทยถือเป็นจุดมุ่งหมายอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวจีนในการเดินทางมายังต่างประเทศ มีทั้งสิ้น 227,648 คน เพิ่มขึ้น 69.04% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นรายได้ 12,528 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75.66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
“จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่ารายได้ของการท่องเที่ยวขยายตัวสูงกว่าจำนวนนักท่องเที่ยว สะท้อนให้เห็นแผนการท่องเที่ยวของรัฐบาลที่เป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการเพิ่มรายได้ของการท่องเที่ยวมากกว่าเพิ่มจำนวนหัวของนักท่องเที่ยว รวมทั้งยังพบว่านักท่องเที่ยวอยู่ในประเทศไทยนานขึ้นเป็น 9.7 วันต่อคน เพิ่มขึ้นจากในปีที่ผ่านมาที่ 9.5 ต่อวัน”
นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามแม้ว่านักท่องเที่ยวชาวจีนจะยังเป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย แต่พบว่าพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเริ่มเปลี่ยนไปจากในอดีตอย่างมาก คือสัดส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาด้วยตนเอง (เอฟไอที) เพิ่มขึ้นเป็น 60 – 70 % เมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยซื้อทัวร์มีจำนวนลดลงเหลือเพียง 30 – 40 % ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ และเมืองรองมากขึ้น จากเดิมเน้นท่องเที่ยวตามเมืองหลัก อาทิ กรุงเทพฯ พัทยา และเชียงใหม่ ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมในเมืองหลัก โดยเฉพาะพัทยาเน้นรับลูกค้าเป็นกลุ่มทัวร์ การเปลี่ยนพฤติกรรมมาเที่ยวเองได้ส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมในเมืองรองมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเพิ่มสูงขึ้น จากข้อมูลพบว่า เริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวจีน ไปท่องเที่ยวที่จ.บึงกาฬ แล้ว ถือเป็นเรื่องดีมากในการช่วยกระจายรายได้ไปสู่จังหวัดต่างๆ
source: matichon.co.th/news/693558