data-ad-format="autorelaxed">
จากสาวมนุษย์เงินเดือนธรรมดาคนหนึ่งที่พยายามหาอาชีพเสริมเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต โดยตั้งโจทย์ว่าจะต้องเป็นการลงทุนในสิ่งที่ชอบ และจะต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทุกวัน ดังนั้น กรอบทางความคิดจึงตกผลึกไปที่การทำเกษตร ด้วยเหตุผลที่ไม่ซับซ้อนว่าทุกคนต้องรับประทานต้องใช้ หลังจากนั้นก็มาพิจารณาว่าเกษตรรูปแบบไหนที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด โดยไม่ต้องเป็นเกษตรแบบเก่าที่ต้องตากแดดถือจอบขุดดิน
ด้วยแนวความคิดที่ชัดเจน นัยนา ยังเกิด จึงสนใจเรื่องของการทำฟาร์มเห็ด เพราะครอบครัวพูดให้ฟังอยู่บ่อยครั้ง และตนเองก็รับประทานเห็ดอยู่แล้วแทบทุกวัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเห็ดเติบโตขึ้นมาได้อย่างไร จึงไปเรียนรู้
นัยนา ยังเกิด
**จากความชอบสู่อาชีพ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีความรู้สามารถเพาะเห็ดออกมาเป็นดอกได้แล้ว แต่ด้วยความที่ต้องการยึดเป็นอาชีพ นัยนากล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ได้ตัดสินใจไปลงเรียนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งเปิดหลักสูตรสอนให้กับประชาชนทั่วไป ทำให้มีความรู้เพิ่มมากขึ้น และรู้ถึงที่มาที่ไปของการกำเนิดเห็ด แต่สิ่งที่สำคัญก็คือการลงมือทำและเตรียมใจที่จะรับกับปัญหาที่เกิดขึ้น เช่นเรื่องการขาย เพราะไม่เคยมีประสบ การณ์มาก่อน กลยุทธ์แรกจึงเป็นการเดินไปขายกับแม่ค้าตามแผงผักแต่ไม่มีรายใดเลยที่สนใจเพราะทุกเจ้ามีแหล่งประจำที่ไปรับสินค้าอยู่แล้ว จึงแก้ปัญหาด้วยการเช่าแผงขายเอง เพราะมั่นใจในคุณภาพของสินค้าซึ่งเป็นเห็ดปลอดสารพิษ และใช้แพ็กเกจจิ้งที่สวยงาม พร้อมคำแนะนำสรรพคุณของเห็ดเวลาขาย ทำให้สามารถขายหมดภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น แบรนด์ “กระท่อมเห็ด” (Mushroom Cottage Farm) จึงเกิดขึ้น และเริ่มเป็นที่รู้จักตั้งแต่บัดนั้น
นัยนา บอกอีกว่า วันรุ่งขึ้นมีพ่อค้าและแม่ค้าเข้ามาขอซื้อผลิตภัณฑ์ถึงฟาร์มโดยที่ไม่ต้องออกไปขาย แต่ด้วยความที่มีกระบวนการทางความคิดอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทำให้นึกไปถึงต้นทุนของการซื้อก้อนเห็ด ซึ่งมีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือน และมีระยะเวลาคืนทุนใน 3 เดือน โดยมองว่าอีก 3 เดือนก็ต้องนำทุนไปซื้อก้อนเห็ดอีก จึงตัดสินใจนำเงินทุนดังกล่าวไปลงทุนซื้อเครื่องจักรทำก้อนเห็ด ซึ่งทำให้ได้พบกับอุปสรรคอีกรูปแบบหนึ่งจากการทำก้อนเห็ดที่แตกต่างจากดอกเห็ด ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนเรื่องวัสดุอุปกรณ์ ค่าจ้างแรงงานและความไม่เชี่ยวชาญ แต่ก็ผ่านพ้นอุปสรรคมาได้จากการขอความรู้จากฟาร์ม รวมถึงศึกษาเพิ่มเติม และที่สำคัญคือไม่ย่อท้อ
**น้อมนำแนวทางพระราชดำรัส
เมื่อสามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมาได้ นัยนา จึงเกิดความคิดที่จะน้อมนำแนวทางพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ซึ่งทรงสอนให้ประชาชนไทยนำหลักคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้กับการดำเนินชีวิต โดยเลือกที่จะน้อมนำแนวทางทางด้านของความพอเพียง และการให้มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งในส่วนของแนวทางด้านความพอเพียงนั้นการบริหารจัดการของฟาร์มจะทำเพียงเท่าที่ทำได้ เช่น ฟาร์มจะผลิตก้อนเห็ดได้ประมาณ 650 ก้อนต่อวัน หากมีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ต้องการสั่งครั้งละเป็นหมื่นหรือแสนก้อน ฟาร์มจะต้องใช้เวลาผลิตประมาณ 1 เดือน หากไม่สามารถรอได้ฟาร์มก็จะไม่มี เร่งขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับออร์เดอร์ เพราะมองว่าตนเองมีอาชีพทำดอกเห็ดขาย หากมีลูกค้าจะมาซื้อก้อนเห็ดก็ยินดีขายในปริมาณเท่าที่มี
ขณะที่เรื่องแนวทางของการให้นั้น ที่ฟาร์มก็มีการเปิดอบรมให้ความรู้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีข้อผูกมัดหรือเงื่อนไขว่าหากมาเรียนที่ฟาร์มจะต้องซื้อก้อนเห็ดจากฟาร์ม เราเพียงแค่ต้องการอยากให้มารับความรู้อย่างเต็มที่จากฟาร์มให้มีความเชี่ยวชาญ และหลังจากที่สำเร็จหลักสูตรไปแล้วก็สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือ หรือขอคำแนะนำได้ตลอดเวลา โดยมีพระองค์เป็นต้นแบบจากการที่พระองค์ทรงให้กับประชาชน ซึ่งพระองค์ทรงศึกษาเรื่องดิน นํ้า ฝน ฯลฯ และนำมาเผยแพร่ให้กับประชาชนของพระองค์ เราต้องการมีความสุขแบบนั้นบ้าง
“การน้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ เมื่อครั้งที่มีปัญหาเศรษฐกิจไม่ดี เท่าที่รับข้อมูลมาฟาร์มอื่นจะได้รับผลกระทบเพราะมีการจ้างแรงงานไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อผลิตก้อนเห็ด แต่ที่ฟาร์มของเราไม่ได้รับผลกระทบ รายได้ยังมีเท่าเดิม เรียกว่าเป็นการอยู่แบบพอเพียง พอใจในสิ่งที่ตนเองมี”
**เกษตรแบบผสมผสาน
นอกจากนี้ที่ฟาร์มยังเป็นการทำเกษตรแบบผสมผสาน โดยจะมีการดำเนินการปลูกพืชผลทางการเกษตรชนิดอื่นเสริมเพิ่มเติม เช่น ปลูกเมลอนในช่วงฤดูร้อน เป็นต้น เพื่อเป็นการเพิ่มฐานลูกค้า หรือหากเป็นช่วงฤดูฝนที่ผลผลิตเห็ดจะมีออกมาจำนวนมาก ก็จะเลือกใช้วิธีการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น การนำไปทำแหนมเห็ด, หมูยอเห็ด, เห็ดสามอย่าง, นํ้าพริกเผาเห็ด และข้าวเกรียบเห็ด เป็นต้น
นัยนา กล่าวต่อไปอีกว่า ปัจจุบันฟาร์มได้มีการเปิดอบรมให้กับผู้ที่สนใจไปแล้ว 61 รุ่น และจากความตั้งใจถ่ายทอดความรู้ดังกล่าวให้กับสถานศึกษา, การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ที่สนใจ ซึ่งเป็นการทำประโยชน์เพื่อสังคมอย่างแท้จริง ก็ทำให้ตน เองได้รับการยกย่องให้เป็น “ปราชญ์ชาวบ้าน” ประจำตำบล โสนลอย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ทำให้มีกำลังใจในการถ่ายทอดความรู้อย่างเต็มที่ต่อไป ส่วนเรื่องรายได้นั้นไม่ต้องการบอกถึงตัวเลข เพราะไม่ต้องการให้คิดว่ารายได้เป็นสิ่งสำคัญที่ดึงดูดใจให้เข้ามาทำการเกษตร
**ศูนย์การเรียนรู้ครบวงจร
สำหรับสายพันธุ์เห็ดที่ฟาร์มเพาะและทำตลาดอยู่มี 4 สายพันธุ์ ได้แก่ 1. เห็ดนางฟ้าภูฏาน, 2. เห็ดนางรมฮังการี, 3.นางนวลสีชมพู และ 4. เป๋าฮื้อ เนื่องจากเป็นสายพันธุ์เห็ดที่ผู้บริโภครู้จักเป็นอย่างดี สามารถทำตลาดได้โดยง่าย ขณะที่กลยุทธ์ในการทำตลาดก็จะประยุกต์ใช้แนวทางสมัยใหม่เข้ามาช่วยผ่านทางโซเชียลมีเดีย ทั้งเฟซบุ๊ก (Facebook), ไลน์ (Line) และยูทูบ (Youtube) เป็นต้น
นอกจากนี้ หากเป็นช่วงเทศกาลต่างๆแบรนด์ “กระท่อมเห็ด” ก็จะสร้างความแตกต่างในตลาดให้ผู้บริโภคได้รู้สึกถึงความพิเศษ เช่น เทศกาลปีใหม่ ก็จะเป็นกระเช้าเพื่อกลุ่มคนรักสุขภาพซึ่งไม่สามารถหาซื้อได้ในท้องตลาด พร้อมกับเพิ่มมูลค่าด้วยแพ็กเกจที่สวยงามมีแบรนด์อย่างชัดเจน และวันวาเลนไทน์ ฟาร์มก็จะมีเห็ดนางนวลสีชมพู ซึ่งมีความพิเศษในเรื่องสีที่สื่อความหมายได้อย่างตรงจุด เป็นต้น
ส่วนภาพรวมของธุรกิจในอนาคตนั้นต้องการสร้างศูนย์แห่งการเรียนรู้เพื่อสังคม เพราะคิดว่าเป็นเสมือนการทดแทนคุณของแผ่นดิน ทำให้ครบวงจร โดยเริ่มต้นอย่างเป็นกระบวนการ ซึ่งปีแรกจะเป็นการขายดอกเห็ด ปีที่ 2 เริ่มขายก้อนเห็ด ปีที่ 3 มีเห็ดแปรรูป ปีที่ 4 มีร้านกาแฟบริการในฟาร์ม และปีที่ 5 มีเกษตรรูปแบบอื่นมาผสมผสาน และต้องการเป็นฟาร์มในรูปแบบของโฮมสเตย์สำหรับผู้ที่สนใจเรียนรู้เรื่องการเพาะเห็ด
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,305 วันที่ 15 - 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560