data-ad-format="autorelaxed">
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การประกาศจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 2/2560 ปริมาณ 1.82 ล้านตัน ปรากฏว่ามีผู้สนใจมายื่นซองจำนวน 58 ราย มีผู้เสนอราคาซื้อสูงสุด 27 ราย ใน 191 คลัง ปริมาณ 1.7 ล้านตัน คิดเป็น 93.27% ของปริมาณที่เปิดประมูลทั้งหมด รวมมูลค่าที่เสนอซื้อประมาณ 16,823.71 ล้านบาท สำหรับชนิดข้าวที่มีผู้เสนอราคาซื้อมากที่สุดเป็นข้าวหอมปริมาณ 1.35 ล้านตัน คิดเป็น 79.41%
ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไปกรมจะดำเนินการประมวลผลการยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต๊อกของรัฐเป็นการทั่วไปครั้งที่ 2/2560 เข้าที่ประชุมคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐและคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวก่อนเสนอประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาให้ความเห็นชอบการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐต่อไป
นางดวงพร กล่าวว่า ข้าวในสต๊อกของรัฐที่ผ่านการตรวจนับและมีผลตรวจวิเคราะห์คุณภาพ ปริมาณ 17.76 ล้านตัน ปัจจุบันรัฐบาลไทยภายใต้การบริหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ระบายข้าวในสต๊อกของรัฐแล้วปริมาณ 13.24 ล้านตัน และหากสามารถจำหน่ายข้าวเป็นการทั่วไป ครั้งที่2/2560 ซึ่งเป็นข้าวคุณภาพดีชุดสุดท้ายได้ตามที่มีผู้เสนอซื้อทั้งหมด จะช่วยให้ปัญหาอุปทานส่วนเกินที่กดทับตลาดหมดไป โดยจะเหลือข้าวในสต๊อกของรัฐที่จะระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมปริมาณ 2.5 ล้านตัน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อกลไกตลาดข้าวที่จะกลับเข้าสู่ระบบการค้าปกติ และเป็นประโยชน์ต่อตลาดและราคาข้าวไทยในอนาคต
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การระบายข้าวสารสต๊อกรัฐบาลในช่วงที่ คสช.เข้ามาบริหารประเทศช่วง 3 ปี สามารถระบายข้าวออกไปได้ 12.74 ล้านตัน มูลค่า 1.14 แสนล้านบาทหรือเฉลี่ยมีการขายไปประมาณตันละ 9,038 บาท ซึ่งจะทำให้ขาดทุนจากต้นทุนรับจำนำข้าวเปลือก 1.5 หมื่นบาทหรือคิดเป็นต้นทุนข้าวสาร 2.4 หมื่นบาทหรือขาดทุนตันละ 1.49 หมื่นบาท รวม 12.74 ล้านตัน ทำให้ขาดทุนจากต้นทุนรับจำนำรวม 1.9 แสนล้านบาท
source: posttoday.com/biz/gov/496707