data-ad-format="autorelaxed">
นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า กยท.ได้มีการจัดประมูลยางพาราในโครงการของรัฐจำนวน 3.1 แสนตัน ตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ตามนโยบายนายกรัฐมนตรีกำหนดให้เคลียร์สต๊อกยางรัฐเสร็จในเดือน พ.ค.นี้ โดยขณะนี้ได้มีการประมูลไปแล้วได้จำนวน 1.5 แสนตัน มูลค่าประมาณ 14,347 ล้านบาท ในราคาเฉลี่ยที่ 64-73 บาท/กิโลกรัม (กก.)
ทั้งนี้ การประชุมครั้งสุดท้ายคือ วันที่ 31 มี.ค. 2560 ที่ยังเหลือประมาณอีกประมาณ 1.5 แสนตัน ล่าสุดมี เอกชนยื่นซองประมูลแล้ว 15 ราย ต้องรอดูว่าจะประมูลได้เงินคืนมาอีกเท่าไหร่จากจำนวนเงินที่รัฐที่ใช้ใน 2 โครงการ คือ โครงการแทรกแซง ราคายางพาราของรัฐ 2 หมื่นกว่าล้านบาท และโครงการมูลภัณฑ์กันชน อีกประมาณ 9,000 ล้านบาท
สำหรับหลังประมูลต้องขนย้ายให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน ดังนั้น การประชุมครั้งสุดท้ายคือ 31 มี.ค.นี้ หากไม่สามารถขายได้หรือประมูลออกไม่หมด ก็จะเสนอคณะกรรมการบริหารการยางแห่งประเทศไทย (บอร์ดการยาง) พิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ยางรัฐหมดสต๊อกตามกำหนดเดือน พ.ค. 2560
"ที่ผ่านมารัฐใช้เงินกับโครงการ ซื้อยางทั้งหมด 2.8 หมื่นล้านบาท และเสียเงินค่าเช่าโกดังอีกปีละ 160 ล้านบาท ตั้งแต่เริ่มโครงการปี 2552 รวมแล้วประมาณ 1,000 ล้านบาท ขณะนี้ได้เงินคืนมาประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท หากวันที่ 31 มี.ค. ขายได้เงินเข้ามาอีก จะลดความกดดันทางจิตวิทยาตลาดได้ เพราะขณะนี้เกษตรกรบอกว่าปริมาณยางในสต๊อกรัฐทำให้ราคายาง ในตลาดไม่ปรับเพิ่มขึ้น ดังนั้นหากเคลียร์หมดในเดือน พ.ค. จะทำให้ยางพาราที่ออกมาในฤดูใหม่สะท้อนจากราคาตลาดที่แท้จริง" นายธีธัช กล่าว
ปัจจุบันราคาที่ กยท.ขายได้เฉลี่ยประมาณ 63-73 บาท/กก. เป็นราคา ที่เหมาะสม
source: posttoday.com/biz/gov/487771