data-ad-format="autorelaxed">
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) มีมติในหลักการให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในสต๊อก รัฐบาลที่ได้จากโครงการแทรกแซงราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2551/2552 ปริมาณ 8.41 หมื่นตัน จากปริมาณ ที่เหลือในสต๊อกทั้งสิ้น 9.41 หมื่นตัน ตามที่ อคส.เสนอ โดยข้าวโพดดังกล่าวมีข้อยุติในส่วนของคดีความทางกฎหมายแล้ว อีกทั้งยังเก็บรักษามาเป็นเวลานานเกือบ 10 ปี เสื่อมคุณภาพมากแล้ว จึงต้องระบายออกให้หมด เพื่อลดความเสียหายของงบประมาณภาครัฐที่นำไปชำระค่าเก็บรักษาเดือนละ 7 ล้านบาท
"ข้าวโพด 8.41 หมื่นตัน ที่จะเปิดระบายในเร็วๆ นี้จะขายตามสภาพ เพราะเก็บมานานเกือบ 10 ปี คุณภาพไม่ได้แล้ว โดยให้ อคส.เจรจากับเจ้าของคลังสินค้า หรือผู้ซื้อที่เสนอราคาซื้อสูงสุดในแต่ละคลัง แล้วนำเสนอประธาน นบขพ.พิจารณาอนุมัติขายต่อไป โดย อคส.ต้องกำหนดมาตรการไม่ให้นำ ข้าวโพดล็อตนี้กลับเข้าสู่วงจรตลาดปกติด้วย" นายสนธิรัตน์ กล่าว
สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในสต๊อกรัฐที่เหลืออีก 1 หมื่นตัน ที่ประชุมมี มติให้ อคส.ดำเนินการหาข้อยุติในส่วนของคดีความโดยเร็ว เพื่อให้นำมา ระบายให้หมดต่อไป โดยข้าวโพดล็อต นี้ อคส.ได้ดำเนินการฟ้องร้องเจ้าของคลังสินค้าที่ อคส.เช่าฝากเก็บ ใน ข้อหาผิดสัญญาฝากเก็บรักษาทรัพย์ ละเมิดสิทธิ ยึดหน่วง โดยเจ้าของคลังสินค้า ต้องส่งมอบข้าวโพดหรือชำระค่าเสียหายให้กับ อคส.เป็นเงิน 85.29 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติให้ปรับลดอัตราการกำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศอัตราส่วน 1 ต่อ 3 เป็นอัตราส่วน 1 ต่อ 2 สำหรับผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่ไม่มีบริษัทในเครือรองรับการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์อื่น หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้ผลิตอาหารสัตว์รายหนึ่งว่าจำเป็นต้องนำเข้าข้าวสาลีคุณภาพสูงมาใช้ ด้วยเหตุผลทางโภชนาการและการควบคุมการผลิต โดยนำเข้าข้าวสาลีปีละ 2 หมื่นตัน และซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศปีละ 4 หมื่นตัน ทำให้การกำหนดสัดส่วน 1 ต่อ 3 นั้น บริษัทต้องซื้อข้าวโพดในประเทศเพิ่มขึ้นและไม่ได้นำมาใช้
source: posttoday.com/biz/gov/487603