data-ad-format="autorelaxed">
เมื่อผลไม้ในประเทศไทย มีผลผลิตออกมามากเกินความต้องการบริโภคภายในประเทศ นอกจากมีการส่งเสริมการแปรรูปผลไม้ในรูปแบบต่าง ๆ แล้ว อีกทางหนึ่งที่เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้คือการส่งออกไปยังต่าง ประเทศในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งในรูปของผลไม้สดด้วย
สำหรับ เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ในประเทศไทย มีประมาณ 1.923 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 30 ของครัวเรือนเกษตรกร ทั้งหมด พื้นที่ปลูกไม้ผล 57 ชนิด มีประมาณ 8.176 ล้านไร่ ผลผลิตปีละ ประมาณ 7.486 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าของผลผลิตตามราคาที่ เกษตรกรขายได้ปีละประมาณ 90,361 ล้านบาท โดยประเทศไทยเป็นผู้นำการผลิตและส่งออกผลไม้เมืองร้อนที่สำคัญและมีชื่อ เสียงมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย แต่ผลไม้ของไทยให้ผลผลิตตามฤดูกาลเมื่อผลผลิต ออกมามากตามที่กล่าวมาส่งผลให้ มีปัญหาทางด้านการตลาดและราคาตกต่ำ เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด ลิ้นจี่ ลำไย ลองกอง ที่มีผลผลิตออกมาพร้อม ๆ กัน ในช่วงเดือนเมษายน-กันยายนประมาณ 1.85 ล้านตันต่อปี คิดเป็นร้อยละ 95 ของผลผลิตรวม ซึ่งเดือนที่มีผลผลิตออกมามากที่สุดและมีปัญหาเกิดขึ้นทุกปีคือเดือนพฤษภาคม (ผลไม้ภาคตะวันออกและลิ้นจี่) และเดือนสิงหาคม (ผลไม้ภาคใต้และลำไย)
ประเทศเวียดนามมีประชากรกว่า 83 ล้านคน ติดอันดับประเทศยากจน แต่มีความสามารถที่จะเป็นตลาดการค้าหลักได้ในอนาคต เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดจากการลงทุนของ อเมริกา และประเทศในเอเชียในปริมาณที่สูง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการส่งออก ทำให้เกิดการจ้างงาน เป็นผลทำให้รายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นและความเป็นอยู่ของประชาชน ดีขึ้น
นายอรรถ อินทลักษณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า จากศักยภาพการเป็นตลาดการค้าหลักได้ในอนาคตของประเทศเวียดนาม ซึ่งมีเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่อกับประเทศจีนหลายเส้นทาง การกระจายผลไม้จากไทยไปยังเวียดนามโดยเฉพาะผลไม้เกรดเอและเกรดบีจึงเป็น แนวทางหนึ่งที่ทำให้เกษตรกรไทยสามารถส่งออกผลไม้ได้มากขึ้น ดังนั้น กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดผลไม้ไทยในตลาดอาเซียน (Thai Fruit Fairs in ASEAN) ภายใต้ชื่องาน “Made in Thailand Outlet 2010” ณ ศูนย์แสดงสินค้า Hanoi Friendship Cultural Palace กรุงฮานอย โดยร่วมกับกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงฮานอย เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลไม้สดของไทยให้ชาวเวียดนามได้รู้จัก ซึ่งช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่มีผลไม้ภาคตะวันออก ออกสู่ตลาดจึงนำผลผลิต เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด มะม่วง กล้วยไข่ สละ มะพร้าวอ่อนไปจัดแสดงนิทรรศการ และจำหน่าย เป็นการขยายโอกาสทางการตลาดให้กับสินค้าเกษตรไทยอีกช่องทางหนึ่ง โดยทางกรมส่งเสริมการเกษตรได้นำเกษตรกรไปจำหน่ายผลไม้ที่ตนเป็นเจ้าของ ผลผลิตด้วยคือ นายสามเมือง ตรีเพชร จากจังหวัดจันทบุรีนำทุเรียนไปจำหน่าย นายสมพล จงรักษาศักดิ์ จากจันทบุรี นำกล้วยไข่ไปจำหน่าย นายพฤหัส พรเจีย จากจันทบุรี นำมังคุดไปจำหน่าย และ นางหนูภาพ ชินคำ จากจังหวัดอุดรธานี ที่ได้นำมะม่วง ไปจำหน่าย ซึ่งผลผลิตที่เกษตรกรนำไปจำหน่ายเป็นที่สนใจของชาวเวียดนามเป็นอย่างยิ่ง (โปรดดูภาพประกอบ) นอกจากนี้ ผลไม้ที่นำไปจัดนิทรรศการก็เป็นที่สนใจของชาวเวียดนามโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สละ และลองกอง
...ผลไม้เป็นสินค้าเกษตรที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจทั้งในด้านเป็นอาชีพหลัก และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรจำนวนมาก เป็นวัตถุดิบที่สำคัญของอุตสาหกรรมแปรรูป รวมทั้งเป็นสินค้าส่งออกทำรายได้เข้าสู่ประเทศปีละไม่น้อยกว่า 4 หมื่นล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด แต่ขณะเดียวกันสภาพการผลิตการตลาดที่ไม่สมดุลส่งผลให้เกษตรกรผู้ปลูกไม้ผล บางชนิดต้องประสบปัญหาด้านราคาผลผลิตที่ตกต่ำจากภาวะผลผลิตล้นตลาดเป็นประจำ ทุกปี ตลาดเพื่อนบ้านในกลุ่มประเทศอาเซียนโดยเฉพาะประเทศเวียดนาม เป็นตลาดเป้าหมายที่ได้รับการส่งเสริมในการกระจายสินค้าเกษตรของไทย เนื่องจากกลุ่มประเทศอาเซียนมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อ เนื่อง และหากผลไม้ของไทยได้รับการยอมรับในตลาดดังกล่าว จะส่งผลให้ไทยสามารถระบายผลไม้ได้ปริมาณมากในแต่ละฤดู เพราะมีระยะทางขนส่งใกล้การคมนาคมสะดวก…อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว.
ที่มา : http://dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=344&contentID=64879