data-ad-format="autorelaxed">
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่อง “พลิกโฉมประเทศไทยด้วยการลงทุน” ในงานสัมมนาและนิทรรศการ Opportunity Thailand ที่จะปรับเปลี่ยนประเทศไทยให้ก้าวไปสู่ “ประเทศไทย 4.0” ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จัดขึ้น ว่า ขณะนี้รัฐบาลเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ ซึ่งมีหัวใจหลักคือ การปฏิรูประบบราชการ ปรับแก้กฎหมายที่ล้าหลัง นอกจากนี้ จะเพิ่มความสะดวกให้กับนักลงทุนภายใต้ อีส ออฟ ดูอิ้ง บิสซิเนส เพื่อกระตุ้นความมั่นใจจากนักลงทุน ล่าสุดรัฐบาลได้ว่าจ้างธนาคารโลกให้ศึกษาแนวทางยกระดับประเทศในด้านอำนวยความสะดวก พบว่า มี 10 ประเด็นที่ไทยต้องปรับปรุง อาทิ ขั้นตอนเริ่มทำธุรกิจ การขอใช้ไฟฟ้า การชำระภาษี ซึ่งรัฐบาลจะเข้าไปปรับปรุงกฎระเบียบโดยเร็ว ขณะเดียวกันจะอำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่า เพื่อผลักดันไทยเป็นเทรดดิ้ง เซ็นเตอร์ และร่วมกับเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศในการให้คำแนะนำนักลงทุนให้มีความรู้ความเข้าใจระหว่างประกอบธุรกิจ ทั้งนี้ การลงทุนจะทำให้ไทยเปิดประตูหลายบาน เพื่อให้เจอกับประเทศต่างๆ เกิดการพัฒนาร่วมกันเพื่อก้าวอนาคต
นานธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กล่าวในหัวข้อ “สร้างประเทศไทย 4.0 ให้เป็นจริงได้อย่างไร” ว่า เมื่อได้รับฟังนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลก็รู้สึกตื่นเต้น เพราะแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีความเข้าใจว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลง ยุค 4.0 เพิ่งเข้ามา การที่ไทยกำลังเข้าจึงไม่ช้าเกินไป อยู่ในเส้นแข่งขันไม่เสียเปรียบ โดยปัจจุบันทุกอย่างบนโลกใบนี้กำลังเป็น 4.0 ทุกคนต้องทำงานได้ผลมากแต่ใช้เวลาน้อย สำหรับไทยมีจุดเด่นด้านการเกษตร ไม่ใช่แค่ข้าว แต่มีผลไม้ที่เป็นจุดเด่นหลายชนิด ดังนั้นอยากให้ปรับมุมมอง และใช้หลัก 3 สูง 1 ต่ำ คือ ลงทุนสูง เพื่อประสิทธิภาพสูง และคุณภาพสูง ซึ่งจะทำให้ต้นทุนต่ำ และต้องเข้าใจหลักโลจิสติกส์ ทั้งนี้จากการผลักดัน4.0ของรัฐบาล เชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริงในไทย และจะทำอีก10ปีข้างหน้าคนไทยจะกลายเป็นคนรวย และอาจมีรายได้ต่อหัวแซงหน้าสิงคโปร์ แต่รัฐบาลต้องระวังคือ เงินเฟ้อจะหายไปแต่ภาวะเงินฝืดจะเกิดขึ้นในไทยเพราะอนาคตผลผลิตจะมากกว่าการบริโภค ซึ่งรัฐบาลต้องวางแผนรับมือเรื่องนี้ด้วย
“อยากให้รัฐบาลกำหนดกฎหมายผังเมืองของประเทศให้มีความเหมาะสมและสามารถขับเคลื่อนประเทศให้พัฒนา อาทิ การกำหนดพื้นที่เกษตรก็ควรอนุญาตให้โรงงานแปรรูปเข้าไปตั้งได้ด้วย เพื่อประหยัดต้นทุนด้านขนส่ง” นายธนินท์กล่าว
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการบริหาร บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า องค์ประกอบสำคัญของการก้าวไปสู่ประเทศไทย 4.0 คือการพัฒนาองค์ความรู้ เพื่อนำมายอดการคิดค้นนวัตกรรมและทำให้เกิดการลงทุนใหม่ โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี ที่จะสร้างเป็นชุมชนนักวิจัยได้ อย่างไรก็ตาม จะสังเกตว่าในแต่ละปีใช้งบเทคโนโลยีปีละ 2 แสนล้านบาท มีสัดส่วนนักวิจัยประมาณ 12-13 คนต่อประชากร 1 หมื่นคน ซึ่งมองว่าจะต้องเติบโตอีก 5-6 เท่า การพัฒนาองค์ความรู้ในไทยถึงจะพัฒนาเท่ากับต่างประเทศ นอกจากนี้มองว่าภาครัฐจะต้องปรับปรุงโครงสร้างการบริหารให้สอดคล้องกับยุค 4.0 ด้วย ซึ่งขณะนี้ก็เริ่มขับเคลื่อนแล้ว ทั้งนี้ มองว่าคนรุ่นใหม่จะชอบทำงานสตาร์ตอัพมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะวิธีคิดของคนรุ่นใหม่ ในส่วนนี้ก็อาจจะต้องให้เวลาเขาศึกษาทำความใจกับงานและเรียนรู้ที่จะผิดพลาดก่อน
source: matichon.co.th/news/464505