data-ad-format="autorelaxed">
นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล เปิดเผยว่า มีความมั่นใจในเศรษฐกิจไทยถึง 200% จากหลายปัจจัย อาทิ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เริ่มดีขึ้น โดยเฉพาะประเทศหลักอย่างญี่ปุ่น จีน ขณะที่ประเทศไทยเองรัฐบาลก็มีนโยบายลงทุนและมีแนวดำเนินการตามแนวทางประชารัฐ ทำให้ภาคธุรกิจทั้งไทยและต่างชาติมั่นใจที่จะลงทุนมากขึ้น
"เชื่อว่าหลังจากนี้นักลงทุนจะ ตื่นตัวต่อการลงทุนมากขึ้น ประกอบกับรัฐบาลต่ออายุมาตรการภาษีเพื่อจูงใจในการลงทุนออกไปอีก 1 ปี แม้จะลดสิทธิประโยชน์ลงให้สามารถนำค่าใช้จ่าย ลงทุนมาหักลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า แต่ก็ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ" นายบุณยสิทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกลุ่ม สหพัฒน์เองจะลงทุนทั้งส่วนของการขยายเครื่องจักรและขยายการลงทุนบางส่วนเป็นการร่วมลงทุนกับพันธมิตรจากญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ยังพบว่าการค้าชายแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา กัมพูชา และ สปป.ลาว ของกลุ่ม สหพัฒน์ในปี 2558 เติบโตได้ 20% ส่วนปี 2559 ที่ข้อมูลยังไม่เปิดเผยและปี 2560 เชื่อว่าการขยายตัวจะสูงกว่า 20% เนื่องจากเป็นช่วงปีที่ประเทศเพื่อนบ้านมีการเติบโตสูงมากและต้องการซื้อสินค้าจากไทย
ปัจจุบันกลุ่มสหพัฒน์ได้ลงทุนในเมียนมาแล้วเกือบ 2,000 ล้านบาท อาทิ โรงงานผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่าและชุดชั้นในวาโก้ กัมพูชาลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท และ สปป.ลาว 500-600 ล้านบาท
นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา พบว่าดีกว่าที่คาดหมายไว้ โดยเติบโตแล้ว 10% สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เติบโตเพียง 1-2% จึงถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีของการทำธุรกิจในปีนี้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจของไทยน่าจะเติบโตดีกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้นั้น จะเดินหน้าขยายธุรกิจในเครืออย่างต่อเนื่อง และรายได้ส่วนใหญ่ในปีนี้จะยังคงเติบโตมาจากสาขาเดิม ขณะที่ปี 2559 สามารถเติบโตได้ถึง 20%
source: posttoday.com/biz/gov/479852