data-ad-format="autorelaxed">
เพราะเป็นเรื่องของสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ การออกบูธจำหน่ายสินค้าครั้งนี้ จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจแบบไม่ธรรมดา เพราะนอกจากจะเป็นการออกร้านขายสินค้าทั่ว ๆ ไปแล้ว ในเชิงของพัฒนาก็เป็นส่วนที่ได้รับการกล่าวขานถึงเป็นอย่างมาก ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี สำหรับ “โครงการมหกรรมสินค้าเกษตรกรสมาชิก กฟก.” ที่จัดโดย สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร หรือ กฟก. ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 2-11 ธันวาคม 2559 ช่วงเวลา 09:00-21:00 น. (รวม 10 วัน) ที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม
ซึ่งทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ต่างพึงพอใจกับงานดี ๆ แบบนี้ งานที่ทำให้เกษตรกรได้มีโอกาส ขายและประชาสัมพันธ์สินค้าหลากหลาย และที่สำคัญไปกว่านั้น คือ ได้โชว์ศักยภาพของเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ ที่ถือว่า มีการพัฒนาปรับตัวไปในทางที่ดี และ เพียงพอที่จะแข่งขันทางการตลาดได้ในระดับหนึ่ง
จากสินค้าเกษตรแบบบ้านๆ แบบธรรมดาๆ ข้าวก็ข้าว กล้วยก็กล้วย มะม่วงก็มะม่วง ในงาน “โครงการมหกรรมสินค้าเกษตรกรสมาชิก กฟก.” ที่กำแพงแสน ก็ได้เห็นอะไรบางอย่างที่เป็นกุญแจสู่อนาคต เมื่อข้าวกลายเป็นข้าวไรซ์เบอรี่ เมื่อกล้วยใส่แพคเก็จจิ้งหรูหรา เรียกว่า ขยับเข้าใกล้ SMEs มากยิ่งขึ้น !
นายวัชระพันธุ์ จันทรขจร เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ กล่าวว่า “สำหรับงาน โครงการมหกรรมสินค้าเกษตรกรสมาชิก กฟก. เกิดจาก กฟก.ได้ลงนามร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน เมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา และจะมีสมาชิกของกองทุนเข้าไปร่วมกับงานมหกรรมสินค้าเกษตรที่จัดอย่างต่อเนื่องมากว่า 14 ปีแล้ว มี กฟก. เข้าร่วมด้วย
ซึ่งในส่วนนี้ ทาง กฟก. ก็จะต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้กับสมาชิกของ กฟก. เพื่อให้สินค้ามีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นก่อนจะเข้าไปสู่ช่องทางการตลาดในเรื่องของการออกร้านในมหกรรมสินค้าเกษตรต่าง ๆ เพราะที่ผ่านมา กฟก.ไม่เคยเข้าร่วมมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก โดยในส่วนของสมาชิก กฟก. ก่อนที่จะเข้ามาในงานนี้ก็ต้องมีการอบรมเพื่อเตรียมตัวก่อนที่จะออกร้าน สำหรับในครั้งนี้ก็จะมากัน 85 ซุ้ม ทั้งหมด 33 จังหวัด มีทั้งส่วนของการเอาผลิตผลมาขาย มีทั้งกลุ่มที่แปรรูป และกลุ่มสร้างงานสร้างอาชีพ โดย 4 เดือนข้างหน้านี้ก็จะมีการออกร้านตลอดทั้ง 4 เดือน นับตั้งแต่เดือนนี้จนถึง ก.พ.2556 โดยครั้งต่อไปจะจัดที่เชียงใหม่ ขอนแก่น และที่พัทลุง กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
สำหรับในครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะจากงานดังกล่าวที่คาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนประมาณ 2-3 ล้านบาทจากงานนี้ ทำให้เกษตรกรสมาชิก กฟก. มีรายได้ และเป็นที่น่ายินดีว่า ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของสมาชิก กฟก.ที่นำมาแสดงและจำหน่ายนั้น มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หลายรายเริ่มเข้าสู่ความพร้อมของการเดินหน้าสู่ความเป็น เอสเอ็มอี ส่วนสินค้าที่เป็นผลิตผลจากภาคการเกษตรธรรมดา ๆ ก็เริ่มมีการพัฒนารูปแบบและพัฒนาทางการตลาดมากขึ้น บวกกับการจัดงานดังกล่าวเป็นการช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และขยายตลาดให้กว้างมากขึ้น ทำให้เห็นถึงพัฒนาการตรงนี้ได้อย่างชัดเจน” เลขา กฟก.กล่าว
จากช่องทางการทำการตลาดที่มีมากขึ้น ผ่าน “โครงการมหกรรมสินค้าเกษตรกรสมาชิก กฟก.” รวมถึงการได้รับรู้ถึงผลิตภัณฑ์ที่มีการพัฒนารูปแบบ จากสินค้าเกษตรธรรมดาสู่สินค้าเกษตรแปรรูป เป็นจุดสังเกตที่ทำให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของภาคเกษตรไทย โดยเฉพาะจาก สินค้าและผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของสมาชิก กฟก.อย่างมีนัยยะ
เลขา กฟก.กล่าวถึงตัวอย่างในส่วนนี้ว่า “ที่เห็นชัดและยกตัวอย่างได้เลยคือเรื่องของ ข้าวขาว ที่กลายมาเป็นข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวกล้องและมีแนวทางการทำการตลาดในรูปแบบใหม่ ต่างจากการทำการตลาดด้วยการขายข้าวขาวแบบเดิม ๆ ตรงนี้ชุมชนสมาชิก กฟก.ก็ไปติดตามค้นคว้า และทาง กฟก.เองก็สนับสนุนทั้งในส่วนของข้อมูลด้านวิชาการผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงการให้การสนับสนุนเรื่องของทุน เพื่อให้เกษตรกรสมาชิกฯ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และมีโอกาสในการสร้างฐานการตลาดมากยิ่งขึ้น
วันนี้ กฟก.ลงไปช่วยให้ชุมชนเกษตรกรเครือข่าย ในด้านต่าง ๆ เพื่อพัฒนาสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนให้กับผลิตภัณฑ์ เพราะการจะก้าวไปถึงความเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรแปรรูปและก้าวไปถึงความเป็น เอสเอ็มอี จะต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง เพื่อเข้าสู่ระดับประเทศและระดับสากล ในเวลานี้ถือได้ว่าอยู่ในระดับการพัฒนาจากท้องถิ่น และพยายามพัฒนาผ่านรูปแบบของการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อนำไปสู่การสร้างการพัฒนาอย่างมีระบบ” นายวัชระพันธุ์ กล่าว
จนเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า วันนี้สินค้าเกษตรจากสมาชิก กฟก.ที่นำมาออกร้านนั้น เป็น สินค้า“เกษตรแบบธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา” ซึ่งกลายมาเป็นหนึ่งในความหวังอนาคตของผลิตภัณฑ์จากภาคการเกษตรไทย ที่จับต้องได้ชัดเจนเป็นรูปธรรมจากงานนี้ ....“โครงการมหกรรมสินค้าเกษตรกรสมาชิก กฟก.”
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร(กฟก.)