เที่ยวเชิงเกษตร จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม

ก้าวเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปีปรับโหมดชีวิตเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเต็มตัว เป็นช่วงที่เหมาะกับการออกไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ คำถามคือ “จะสิ้นปีแล้วเที่ยวไหนดี” หลายต่อหลายคนทำงานมาตลอดทั้งปีเราเชื่อว่าแต่ละคนคงมีเงินเก็บและวางแผนไปเที่ยวในช่วงนี้ แล้วจะไปเที่ยวที่ไหนดีละ! ผ่านหน้าฝนมาแล้วอย่างนี้ควรออกไปสูดกลิ่นอายธรรมชาติ หากมีสถานที่ถูกใจเก็บกระเป๋า แบกกล้องแล้วไปพักกาย พักใจ รับโอโซนให้ฉ่ำปอดกันไปเลย

เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ประชาชาติฯออนไลน์ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมความสวยงามของธรรมชาติสถาปัตยกรรมอีสานแบบดั้งเดิมบนพื้นที่กว่า 600 ไร่ “จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม” อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมปีละครั้งเดียวเท่านั้น เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรมอีสาน ที่จะสร้างความสุขความแปลกใหม่และความประทับใจไม่รู้ลืม โดยเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2559 ไปจนถึง 8 มกราคม 2560 ภายใต้แนวคิด “คักแท้แท้ แพรอีโป้-มหัศจรรย์ผ้าขาวม้า”



หลายคนคงร้อง เอ๊ะ! แนวคิดงานในปีนี้หมายถึงอะไร ที่มาที่ไปอย่างไร โดย จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม จะมีแนวคิดงานแต่ละปีที่แตกต่างกัน ปีนี้แนวคิด “คักแท้แท้ แพรอีโป้-มหัศจรรย์ผ้าขาวม้า” คำว่า “คักแท้แท้” ในภาษาอีสานแปลว่า สุดยอด ยอดเยี่ยม มหัศจรรย์ ส่วน “แพรอีโป้” คือ ผ้าขาวม้า ในภาษาอีสาน มีประโยชน์สารพัดและมีความผูกพันต่อวิถีชีวิตของชาวอีสานในทุกๆ แง่มุมของชีวิต เมื่อเอาความหมายทั้งสองคำมารวมกันจะสื่อถึงความหลากหลายในการประยุกต์ใช้ผ้าขาวม้าอันน่ามหัศจรรย์และสอดแทรกด้วยความสนุกสนาน

อาจารย์ยุทธพงศ์ที่ปรึกษาด้านวัฒนธรรมอีสานจิมทอมป์สันฟาร์มเล่าให้ฟังว่า ผ้าขาวม้าเป็นผ้าที่ใช้ผูกเรียกว่าอีโป้ เราจะคุ้นเคยลายตารางซึ่งรับวัฒนธรรมมาจากอาหรับ ผ้าอีสานย้อนกลับไปร้อยกว่าปีก่อนจะไม่มีลายมาก ขนาดไม่ใหญ่เพราะใช้ผูกไม่ได้นุ่ง เรียกได้ลายชื่อ เช่น ผ้าตา ผ้าคาด ผ้าแพร ผ้าคาด ผ้าเคียน ผ้าลาย ผ้าโสร่ง ตามแต่ละท้องถิ่นจะเรียก แต่ชื่อที่คนอีสานคุ้นเคยคือ “ผ้าขาวม้า” มีความยาวประมาณ 1 วา กว้าง 1 ศอก เท่ากับขนาดคนใส่ ทำจากผ้าฝ้าย หรือผ้าไหม หากเป็นผ้าไหมต้องเป็นผ้าที่ไว้ใช้ตามงานที่สูงขึ้นมา เช่นไปวัด ทำบุญ

"Jim Thompson Farm" เหมาะกับผู้ที่หลงใหลในศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นชาวอีสาน การเกษตรและธรรมชาติ ทั้งฟาร์มถูกเนรมิตตกแต่งด้วยผ้าขาวม้าให้กลมกลืนกับธรรมชาติอย่างลงตัว จุดท่องเที่ยวที่สำคัญจะมี 5 จุด เป็นที่ตื่นตาตื่นใจของนักท่องเที่ยว หากคุณมีเวลาแค่วันเดียวก็เที่ยวที่นี่ได้ แวะเก็บภาพบรรยากาศครบทุกจุดแน่นอน แต่เราขอเตือนคุณก่อนว่าควรชาร์จแบตกล้องไปให้เต็ม เตรียมแบตสำรองไปไว้ให้ดี ทุกมุมในฟาร์มนี้แชะภาพได้หมด



ทุ่งคอสมอสและแปลงผักปลอดสาร 

ก้าวขาขึ้นรถนำเที่ยวสีสันสดใสตกแต่งด้วยลายผ้าขาวม้าสีชมพูบานเย็น เส้นทางที่รถวิ่งจะมีผ้าขาวม้านำทางเข้าสู่จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม จุดแรกที่ละสายตาไปไม่ได้ คือทุ่งดอกคอสมอสบนพื้นที่กว่า 50 ไร่ เสียงสาวน้อยผู้บรรยายประจำรถเล่าให้ฟังว่า ดอกคอสมอสใช้เวลาปลูก 45 วัน และดอกจะบานไปนับเดือนเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงาม ภาพที่เห็นคือทุ่งสีม่วง ขาว ปะปนกันภายใต้เนินเขาลูกใหญ่ตรงหน้า จุดนี้สาวๆ ห้ามพลาดแวะแฉะภาพแล้วเชคอินสุดคลูก่อนไปจุดต่อไป

ลานฟักทองและทุ่งดอกไม้หลากสี

จุดนี้ต้องร้อง“โอ้โหหหห”สีสันจะคัลเลอร์ฟลูไปไหนนอกจากทิวทัศน์ภูเขาพญาปราบและอ่างเก็บน้ำลำสำลายสิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้เข้าไปถ่ายรูปคงหนีไม่พ้นทุ่งดอกไม้หลากสีสันที่บานสะพรั่งอวดความสวยงามราวกับนางแบบวิคตอเรียซีเคร็ทที่พึ่งเฉิดฉายบนเวทีเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาและยังมีสวนกุหลาบกว่า5,000ต้น ทุ่งทานตะวัน ทุ่งดาวกระจาย และทุ่งตารางดอกไม้หลากสี ใครเหนื่อยแวะนั่งผ่อนคลายที่ลานน้ำพุเย็นฉ่ำโดดเด่นด้วยกังหันผ้าขาวม้าสีสันสดใส 



ใครอยากได้ภาพมุมสูงแบบ 360 องศา ต้องมาที่เขาวงกตผ้าขาวม้า ความเก๋ของจุดนี้มันอยู่ตรงลานฟักทองสีส้มสุดลูกหูลูกตา ฟักทองยักษ์ทำจากผ้าขาวม้าตั้งเด่นอยู่ตรงกลางรายล้อมไปด้วยฟักทองและดอกไม้หลากหลายชนิด สัญลักษณ์ของจิม ทอมป์สันฟาร์มที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ ถ่ายรูปกันสะใจแล้วไปจุดต่อไปกันเลย



หมู่บ้านอีสาน

จุดนี้ทุกคนจะได้เปิดประสบการณ์ “คักแท้แท้ แพรอีโป้ ” เรียนรู้ความมหัศจรรย์ของ “ผ้าขาวม้า” สารพัดประโยชน์ อาจารย์ทอม ที่ปรึกษาด้านสถาปนิกของจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม เล่าให้ฟังว่า หมู่บ้านอีสานรับอิทธิพลมาจากโคราช โดยบางหลังยกบ้านของชาวบ้านละแวกนี้มา แต่เฮือน (บ้าน) อีสานมีปัญหาเรื่องการขนย้าย ด้วยอายุของแต่ละหลังที่มากสุดถึง 100 ปี ถ้ารื้อออกจากจุดเดิมคือพังและเสียหาย เลยวัดสัดส่วนบ้านแต่ละหลังแล้วเอามาสร้างใหม่แทน โดยหมู่บ้านอีสานมีทั้ง สิม หอไตร หอกลอง เฮือนอีสาน เรือนไทยวน แนวคิดงานของปีนี้หลักๆ คือผ้าขาวม้า จึงได้ตกแต่งบ้านเรือนด้วยผ้าขาวม้า เข้ามาในหมู่บ้านจะเห็นปราสาทผ้าขาวม้า เส้นทางสู่หมู่บ้านประดับประดาด้วยผ้าขาวม้านำทางเข้าไป การจักสานก็เปลี่ยนจากไม้เป็นผ้าขาวม้าแทน

นอกจากนี้หมู่บ้านอีสานยังเป็นที่ถ่ายทำของละครดังหลายเรื่องเช่นสุภาพบุรุษจุฑาเทพตอนคุณชายรัชชานนท์ ซึ่งยกกองเข้าไปถ่ายทำกันที่นี่ หรือล่าสุดละครดังอย่างเรื่อง "นาคี" หมู่บ้านดอนไม้ป่านั่นเอง งานนี้ใครเป็นคำแก้ว คุณทศพล หรือนางลำเจียก ก็อย่าลืมแวะเวียนเข้าไปชมบ้านแต่ละหลังที่ใช้ถ่ายทำ (ขอกระซิบบอกว่าบ้านคำแก้วอยู่ท้ายหมู่บ้านจริงๆ ตั้งเด่นอยู่หลังเดียว) ใครที่ไปตามรอยเจ้าแม่นาคีแล้วอย่าลืมถ่ายภาพมาแบ่งกันชมด้วยนะคะ



ที่สำคัญหมู่บ้านอีสานมีจุดกิจกรรม5จุด เฮือนอีสานมักเรียกชื่อตามบุตรคนสุดท้ายของเจ้าของบ้าน อย่างเรือนกิจกรรม1 คือ เรือนนายแช่มที่จะสอนเรื่องการทอผ้าขาวม้าและการย้อมคราม (นึกภาพย้อมครามไม่ออกให้นึกถึงชุดสีฟ้ามัดย้อมที่เราเห็นตามเจเจกรีนได้เลยค่ะ) 

ลายทอผ้าขาวม้านิยมทอสลับสีเป็นลายตาหมากรุกหรือลายทาง ส่วนมากจะกว้างประมาณ 3 คืบ ยาว 5 คืบ อายุการใช้งานอยู่ที่ 1 ถึง 3 ปี ส่วนผ้าย้อมคราม คือผ้าทอมือหรือทอเครื่องที่ย้อมด้วยครามจากธรรมชาติมีเฉดสีฟ้าไปจนถึงน้ำเงินเข้ม ลวดลายแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับเทคนิคและเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น



เรือนที่2 คือเรือนหน้าหอแจก จะมีหนังสือผ้าขาวม้าไว้ให้นักท่องเที่ยวศึกษาและเลือกซื้อ ต่อมาเรือนที่3 คือ ศาลาหมู่บ้านอีสาน มีกิจกรรมบายศรีผูกเสี่ยวผ้าขาวม้า เป็นสัญญาต่อกันว่าจะเป็นมิตรแท้ต่อกันตลอดไป คำว่าเสี่ยวหมายถึง มิตรแท้ เพื่อนแท้ หรือเพื่อนตาย ความผูกพันของเสี่ยวเชื่อมโยงไปถึงครอบครัว ญาติพี่น้องและหมู่บ้านของเสี่ยวด้วย พิธีการผูกเสี่ยวเป็นพิธีการใหญ่จะมีการบายศรีสู่ขวัญ ผูกข้อมือและใช้ผ้าขาวม้าซึ่งถือเป็นการต้อนรับและความอบอุ่นมาเป็นสื่อกลาง แทนตัว ความรัก และมิตรภาพ โดยหมอสู่ขวัญจะเป็นผู้ให้พรและผูกข้อมือให้ จากนั้นคู่ผูกเสี่ยวจะเปลี่ยนผ้าขาวม้ากันเพื่อเป็นที่ระลึก เป็นสัญญาต่อกันว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป

เดินต่อไปยังเรือนที่4 คือ เรือนผ้าขาวม้าสารพัดประโยชน์ เป็นนิทรรศการที่ฉายผ่านจอโทรทัศน์ใต้ถุนบ้านแสดงความหลากหลายในการใช้ผ้าขาวม้าในชีวิตจริงโดยอ้างอิงจากบทเพลง“ผ้าขาวม้า”โดยครูสาริกากิ่งทองที่มีเนื้อร้องเล่าถึงการใช้ผ้าขาวม้าไว้อย่างสนุกสนาน เรือนที่5 เรือนสุดท้ายจะเป็นเวทีสาธิตการใช้ผ้าขาวม้า การแสดงพื้นเมืองท้องถิ่นอีสานโดยนักแสดงจะสวมใส่ผ้าขาวม้าเป็นหลัก แอบตื่นตาตื่นใจกับจุดนี้เมื่อเห็นการแสดงนางไห และหมอแคน ที่ร้องลำได้อย่างเพลินตา

หากคุณมาที่จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม เราเชื่ออย่างยิ่งว่าจุดที่จะดึงเวลาคุณให้อยู่นานที่สุดคงหนีไม่พ้นหมู่บ้านอีสาน นอกจากจะชื่นชมบรรยากาศบ้านอีสานแท้ๆ แล้ว ยังมีจุดขายอาหาร ขนม น้ำ โบราณไว้คอยให้บริการ ขอบอกว่าของกินโบราณเข้ากับสถานที่แต่การจ่ายเงินซื้อสินค้ายังทันสมัยด้วยคีย์การ์ดที่เราใช้ซื้อของตามฟู้ดคอร์ทบนห้างที่คุ้นเคยแค่เปลี่ยนจากโต๊ะเก้าอี้บนห้างมาเป็นกินข้าวบนโต๊ะไม้เก้าอี้จากการอัดฟางข้าวปูทับด้วยผ้าขาวม้าท่ามกลางบรรยากาศที่ร่มรื่นไปด้วยไม้นานาพันธุ์ ถ่ายรูปครบแล้วเดินออกมารอรถหน้าหมู่บ้านที่จะมีบริการรับส่งนักท่องเที่ยวไปตามจุดต่างๆ ไปต่อกันที่จุดท่องเที่ยวที่4 กันเลย



หมู่บ้านจิม

แค่ก้าวขาลงจากรถก็สะดุดเข้ากับอุโมงค์ผ้าขาวม้าหลากสีสันสวยงามนำทางเข้าสู่หมู่บ้านจิมจุดนี้จะให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมและเรียนรู้กระบวนการผลิตผ้าไหมอันเลืองชื่อและเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ตั้งแต่การสาวไหมฟอกย้อมเส้นไหมทอผ้าไหมและการพิมพ์ผ้าไหมเราสามารถทดลองทำได้ เรียกได้ว่าออกจากจุดนี้ไปปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ทอผ้าขายได้เลยค่ะ

เที่ยวชมกันมาอย่างเพลิดเพลินตากันแล้ว แทบทั่วทั้งฟาร์มก็ไปบุกชม บุกเที่ยวมาแล้ว มาต่อที่จุดสุดท้ายใครที่อยากมีของฝากติดไม้ติดมือไปให้ที่บ้านก็อย่าลืมแวะที่จุดนี้นะคะ ของกิน ของใช้ ของฝากเยอะมากกกกกกกกก

ตลาดจิม

ไม่อยากกลับแต่ก็ต้องกลับก่อนจะกลับขอช้อปก่อนละกัน…ความชิคที่ได้แว่วเข้าหูมามันอยู่ที่คุณสามารถเลือกซื้อเลือกเก็บผักไฮโดรโปรนิกส์จากแปลงด้วยตนเอง(สดกว่าหน้าเราก็ผักเนี่ยแหละค่ะคุณผู้อ่าน)ขาช้อปไม่ควรพลาดลงจากรถแล้วเชคเงินในกระเป๋าลุย!กันเลยค่ะ ฝั่งแรกที่ปังเข้าตาให้ไปละลายทรัพย์คือผลิตภัณฑ์แปรรูปจากฟาร์มนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น รองเท้า กระเป๋า เสื้อ กระโปรงล้วนทำมาจากผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าขาวม้านั่นเอง เดินต่ออีกนิดเมื่อท้องมันเรียกร้องตระกูลฟักทองที่เราเจอในฟาร์มได้มากองตรงหน้าให้คุณเลือกซื้อ แต่สินค้าทุกอย่างมีให้ชิมฟรีก่อนนะคะ (แอบชิมชาของที่นี้ ดีงามมาก ชุ่มคอมาก มีเป็นสิบรสชาติให้เลือกซื้อ ดี๊ดี) เห็ดอบกรอบหลากรส ชาสูตรต่างๆ ฟักทองนึ่งสุก น้ำผึ้ง ผักผลไม้สดๆ ไร้สาร ไม้ดอกไม้กระถางหลากหลายสายพันธุ์ ช้อปปิ้งกันให้ตายไปข้างหมายถึงเงินในกระเป๋านะคะ อิอิ




ใครที่อ่านแล้วคิดว่า “เห้ย มีจุดเที่ยวหลายจุดขนาดนี้จะเที่ยวทันในหนึ่งวันอยู่เหรอ” ขอบอกว่าทันค่ะ ทันนนนนน! มีเวลาแค่ 3-4 ชั่วโมงก็เดินเพลินๆ ได้ค่ะ ธรรมชาติช่วงนี้สวยงามมาก และจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม เขาไม่ได้เปิดให้เข้าชมตลอดปีนะคะ ปีหนึ่งมีหนเดียวระยะเวลาแค่เดือนกว่าๆ สายเที่ยวธรรมชาติห้ามพลาดค่ะบอกเลย ที่เดียวจบ ครบทุกอย่างจริงๆ

สำหรับใครที่จะไปสัมผัสด้วยสายตาของตัวเองจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมระหว่างวันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2559 - วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2560 เวลาเปิดเข้าชม 9.00 – 17.00 น. พิกัด ต.ตะขบ  อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ราคาบัตรหน้าฟาร์ม วันธรรมดา บัตรผู้ใหญ่ ราคา 180 บาท และบัตรเด็ก ราคา 130 บาท วันเสาร์-อาทิตย์ บัตรผู้ใหญ่ราคา 220 บาท และบัตรเด็กราคา 160 บาท วันหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่ (วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม 2559 - วันอังคารที่ 3 มกราคม 2560) บัตรผู้ใหญ่ ราคา 280 บาท และบัตรเด็ก ราคา 180 บาท เที่ยวเมืองไทยแล้วเที่ยวธรรมชาติแล้วคุณจะหลงรักที่นี่เหมือนเรา

 

source: prachachat.net/news_detail.php?newsid=1480943377

ส่งความคิดเห็น