วิจัยต้นข้าวโพดและมันสำปะหลัง ผลิตเป็นก๊าซชีวภาพสำเร็จ
สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงาน (สวพ.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน ได้ดำ...
data-ad-format="autorelaxed">
สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงาน (สวพ.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน ได้ดำเนินโครงการผลิตก๊าซชีวภาพจากผลผลิตทางการเกษตร โดยทำการศึกษาวิจัยและพัฒนาระบบผลิตก๊าซชีวภาพ จากผลิตผลทางการเกษตร คือ มันสำปะหลัง และต้นข้าวโพด
ซึ่งเป็นพืชที่มีศักยภาพในการผลิตก๊าซชีวภาพและมีการปลูกกันอย่างแพร่หลาย ภายในประเทศ โดยใช้เทคนิคการหมักย่อยแบบไร้อากาศหรือไม่มีออกซิเจน ซึ่งผลที่ได้ก๊าซชีวภาพที่มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นก๊าซมีเทนถึงประมาณ 60-70% สามารถ นำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตพลังงานทดแทนในรูปแบบต่าง ๆ กัน เช่น พลังงานความร้อนหรือพลังงานไฟฟ้าได้อีกด้วยจะเห็นได้ว่า การนำผลผลิตทางการเกษตรมาผลิตก๊าซชีวภาพนี้ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนพลังงาน ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยังช่วยลดปัญหาราคาผันผวนของมันสำปะหลังและข้าวโพดผันลงด้วย
นายชยานนท์ สวัสดีนฤนาท หนึ่งในนักวิจัยผู้ดูแลโครงการการผลิตก๊าซชีวภาพจากผลิตผลทางการเกษตร สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงาน (สวพ.) มหาวิทยาลัยเชียง ใหม่ เปิดเผยว่า เริ่มต้นทำงานวิจัยด้านก๊าซชีวภาพจากผลผลิตทางการเกษตร ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2552 โดยการหาศักยภาพในการผลิตก๊าซชีวภาพของมันสำปะหลังและต้นข้าวโพดพบว่า มันสำปะหลังพันธุ์ระยอง 5 ที่ใช้ในการทดลองปริมาณ 1 ตัน จะสามารถผลิตก๊าซชีวภาพได้สูงสุดประมาณ 300 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 420 หน่วย หรือทดแทนน้ำมันเตาได้ประมาณ 165 ลิตร หรือทดแทนก๊าซแอลพีจี ได้ประมาณ 138 กิโลกรัม ในขณะที่ต้นข้าวโพดสดพันธุ์ 271 และพันธุ์ CP ที่ใช้ในการทดลองปริมาณ 1 ตันจะสามารถผลิตก๊าซชีวภาพได้สูงสุดประมาณ 50 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 70 หน่วย หรือทดแทนน้ำมันเตาได้ 28 ลิตร หรือทดแทนก๊าซแอลพีจี ได้ประมาณ 23 กิโลกรัม
หากคิดเปรียบเทียบจากพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลัง 1 ไร่ จะผลิตมันสำปะหลัง ได้ 3.6 ตัน สามารถนำไปผลิตก๊าซชีวภาพได้ 1,080 ลูกบาศก์เมตร และหากใช้พื้นที่ 1 ไร่ ในการปลูกข้าวโพด หลังจากเก็บ เกี่ยวผลผลิตจะได้ต้นข้าวโพดสด 2 ตัน สามารถนำไปผลิตก๊าซชีวภาพได้ 100 ลูกบาศก์เมตร
ขณะนี้โครงการอยู่ในช่วงทดลองระบบต้นแบบ ซึ่งคาดว่า ระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากผลิตผลทางการเกษตรจะเริ่มใช้ได้ราวกลางปี 2554 และจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลแก่เกษตรกร รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดการลงทุนทางด้านการนำผลผลิตทางการเกษตรมาแปลงเป็น พลังงานทดแทนที่เหมาะสม เพื่อลดการสูญเสียทรัพยากร พร้อมกับลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และลดการเผาพื้นที่เพาะปลูกและยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้เกษตรกร แถมยังได้ปุ๋ยชีวภาพมาใช้ในการปรับปรุงดินซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกในการ ระบายผลิตผลการเกษตรและที่สำคัญคือเกิดการจ้างงานทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นใน โอกาสต่อไป.
[email protected]
อ้างอิง : http://www.dailynews.co.th
อ่านเรื่องนี้แล้ว : 22432 คน
£
ความคิดเห็นจากผู้อ่าน:
พิเชษฐ์[email protected]ใช้เชื้ออะไรอ่ะคับผม พอดีผมทำเรื่องนี้เหมือนกันแต่มีปัญหาเชื้อน๊อคอ่ะคับ ช่วยรบกวนติดต่อกลับด้ววยนะคับอยากทราบจิงๆ ขอบคุณมากคับ
[post via mobile device]24 ธ.ค. 2554 , 03:30 AM e0 ชอบ | | | 0 ไม่ชอบ |
แอบมาดู[email protected]คิดราคาออกมาแล้ว น่ากลัวจริงๆ
มันสำปะหลัง1ตัน ราคา 1650 บาทยังไม่รวมค่าขนส่ง
ผลิตไฟฟ้าได้ 420หน่วย หน่วยละ3.25บาท ได้ตัง 1365บาท
โปรเจคแบบนี้ ช่างน่ากลัวนัก
เอ้า สู้ต่อไป เอาใจช่วย ครับ
15 ก.ย. 2553 , 12:32 AM e0 ชอบ | | | 0 ไม่ชอบ |
มัลลิกา[email protected]อ้อย และข้าวโพดเป็นพืช C4 เหมือนกัน
สรุปได้หรือไม่คะ ว่า ข้วโพด กับอ้อย มีคุณสมบัติทางเคมีคล้ายกัน
แล้วจากการที่เปลือกข้วโพดหมักแล้วได้ ก๊าซชีวภาพ
อ้อยที่ผ่านกระบวนการหมักเหมือนข้าวโพดสามารถได้ก๊าซชีวภาพได้รึเปล่าคะ ??
13 มิ.ย. 2553 , 07:47 AM e0 ชอบ | | | 0 ไม่ชอบ |