data-ad-format="autorelaxed">
จากบทความนี้ อธิบายได้ชัดเจนเกี่ยวกับสถานะการณ์จริง ที่พวกเราดำรงชีวิตอยู่ในปัจจุบัน เราเห็นการขาดทุน การปิดกิจการ การลดขนาดกิจการ ลดกำลังการผลิต ของบริษัทใหญ่ หลายๆบริษัทชื่อดัง ของประเทศ รวมถึงของโลก เราเห็นกลุ่มธุรกิจที่เคยผูกขาดบางบริการเอาไว้ กลับกลายเป็นผู้ที่ไม่มีอำนาจต่อรองเลย
วงการแท็กซี่ สั่นสะเทือน เพราะ Uber แก้ปัญหากวนใจ ที่แท็กซี่เลือกรับผู้โดยสาร และยังมีเรื่องของความปลอดภัย ตรวจสอบคนขับไม่ได้
ช่องทีวี ที่โดนลดความนิยมไปอย่างมากมาย จนทุกวันนี้อัตราส่วนผู้ดูช่องทีวีลดลงไปกว่า 50% หันไปดู YouTube แทน
วงการโฆษณา บริษัทเอเจนซี่โฆษณาที่ล้มหายตายจาก ธุรกิจต่างๆหันไปโฆษณาบนช่องทาง Google Adwords, Facebook, YouTube ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่า วัดผลได้ ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า
ลองตามไปอ่านบทความดีๆจากประชาชาติกันครับ..
————————
เมื่อช่วง 2 เดือนก่อน “ธนินท์ เจียรวนนท์” ประธานเครือเจริญโภคภัณฑ์ เดินทางไปกับคณะของรัฐบาลไทยเพื่อร่วมประชุมด้านเศรษฐกิจที่ประเทศญี่ปุ่น ในงานเจ้าสัวธนินท์ได้กล่าวถึงธุรกิจที่กำลังให้ความสนใจในขณะนี้ คือ ธุรกิจ “ไบโอเทคโนโลยี” เพราะเป็นเทรนด์สำคัญของโลกอนาคต
โดยไบโอเทคโนโลยีที่ซีพีสนใจเป็นพิเศษ คือ สาขาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารและธุรกิจการเกษตร รวมถึงพันธุ์ปลา กุ้ง ไปจนถึงการพัฒนาอาหารสุขภาพที่ช่วยให้มนุษย์อายุยืนได้ถึง 200 ปี!!!
ไม่ว่าอนาคตมนุษย์จะมีอายุถึง 200 ปี ตามที่เจ้าสัวธนินท์กล่าวไว้หรือไม่ก็ตาม ?
แต่ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ อาหารสุขภาพ ทำให้ปัจจุบันมนุษย์มีอายุยืนยาวขึ้น แต่ขณะที่ “มนุษย์มีอายุยืนยาวขึ้น” ในโลกธุรกิจก็พบว่า “อายุ” ของกิจการสั้นลง เพราะถูกธุรกิจใหม่ ๆ รุกคืบเข้ามากลืนกิน
ดังเช่นที่ “กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล” ผู้จัดการกองทุน 500 ตุ๊กตุ๊กส์ กล่าวว่า ปัจจุบันการทำธุรกิจอยู่ในยุค Creative Destruction หรือการทำลายล้างธุรกิจเก่าเพื่อสร้างธุรกิจใหม่ เพราะพัฒนาการของเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้น
โดยเฉพาะในโลกธุรกิจเทคโนโลยีจะพบว่า ยักษ์ใหญ่ที่ผงาดอยู่ในโลกตอนนี้เป็นบริษัทเกิดใหม่อายุ 10-20 ปีเท่านั้น
หนึ่งในข้อพิสูจน์ว่า ธุรกิจขนาดใหญ่มีอายุน้อยลง คือ บริษัทยักษ์ใหญ่ใน S&P 500 เมื่อปี 2001 มีอายุเฉลี่ย 61 ปี แต่ปี 2523 พบว่าอายุเฉลี่ยเหลือ 25 ปี และปัจจุบันอายุเฉลี่ยเหลือแค่ 18 ปีเท่านั้น
ความท้าทายจากพัฒนาการของเทคโนโลยีดิจิทัลกำลังสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ในโลก สามารถสร้างอิทธิพลและทรงพลังในเวลาอันรวดเร็ว
ตัวอย่าง “ไลน์” (Line) “แอปแชต” ยอดนิยมที่แจ้งเกิดในปี 2554 เรียกว่ามีอายุเพียง 5 ปี สามารถผงาดขึ้นมาเป็นยักษ์ธุรกิจของโลกการสื่อสาร
และสัปดาห์ที่ผ่านมา ไลน์นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก และตลาดหุ้นโตเกียว และในวันแรกของการซื้อขายมาร์เก็ตแคปพุ่งถึง 8,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 301,860 ล้านบาท)
หรือกรณี “เฟซบุ๊ก” โซเชียลมีเดียยอดนิยมของโลก มีอายุเพียง 12 ปี แต่สามารถยึดครองโลกการสื่อสารของคนรุ่นใหม่ไว้ได้เกือบทั้งโลก ล่าสุดมาร์เก็ตแคปของเฟซบุ๊กพุ่งขึ้นถึง 348,730 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 12 ล้านล้านบาท
อีกหนึ่งตัวอย่างธุรกิจโลกใหม่ที่น่ากลัว คือ “อาลีบาบา” อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน ที่ปัจจุบันมาร์เก็ตแคปสูงถึงกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7.3 ล้านล้านบาท
และวันนี้ “อาลีบาบา” ไม่เพียงเขย่าวงการค้าปลีก แต่อาลีบาบากำลังสั่นสะเทือนธุรกิจการเงิน และสร้างความกังวลให้กับนายแบงก์ทั้งหลาย ทั้งที่อายุธุรกิจเพียง 15 ปี
แม้แต่ “พิยุทธ คุปตะ” ซีอีโอของ “ดีบีเอสแบงก์” ยอมรับว่า คู่แข่งของธนาคารที่น่ากลัวไม่ใช่ธนาคาร แต่มีบริการทดแทนธนาคารได้หมด และตัวอย่างคู่แข่งที่ชัดเจน คือ “อาลีบาบา” ที่วันนี้มีบริการทางการเงินครบวงจร ทั้งระบบชำระเงิน (Alipay), บริการเงินกู้นาโนไฟแนนซ์ (MyBank) กองทุนรวม (Yu′e Bao) ทั้งที่อาลีบาบาไม่มีสำนักงานสาขาใด ๆ
“ธนาคารต้องปรับวิธีคิด ไม่ให้ตัวเองถูกจำกัดอยู่เฉพาะในสำนักงานสาขาอีกต่อไป แต่ธนาคารต้องแทรกตัวเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของลูกค้าให้ได้ อยู่บนอุปกรณ์ทุกตัว อยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่เทคโนโลยี แต่คือเรื่องจะทำอย่างไรให้คนในองค์กรมี Digital Mindset ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป”
นี่คือความท้าทายของธุรกิจในโลกเก่าที่กำลังถูกธุรกิจยุคใหม่ไล่ล่า และทำให้ยักษ์ใหญ่ในโลกธุรกิจวันนี้กลายเป็นธุรกิจอายุน้อยลงเรื่อย ๆ
Source: http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1469512433