หวั่นข้าวทะลักปลายปี เรื่องนี้แก้ไม่ได้ เพราะเราไม่ศึกษาทฤษฎีของความเหลือเฟือ หลงคิดต่างชาติง้อเรา

ผิดที่ปลูกข้าวได้เยอะ และคุณภาพดี

ในช่วงนี้ เริ่มมีข่าวการคาดการณ์ว่า ปลายปี 2559 นี้ ข้าวอาจจะทะลักเข้าสู้ตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาตก กลับไปซ้ำปัญหาเดิมๆอีก ด้วยสาเหตุที่ปีนี้ ประเทศไทยเราประสบภัยแล้ง ทำให้ชาวนาทางภาคกลาง ไม่สามารถเพราะปลูกข้าวได้ตามช่วงเวลาเดิม ที่เป็นปกติ ในช่วงเดือน เมษายน ถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะส่งผลให้ผลผลิตข้าว จะออกสู่ตลาดในเวลาใกล้เคียงกับผลผลิตข้าว ของชาวนาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงเป็นประเด็นทำให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง กังวลอยู่ไม่น้อย

สิ่งนี้เป็นปลายเหตุณ์ แล้วต้นเหตุจริงๆ มาจากอะไร?

เรามีความเชื่อกันมานาน ว่าผลผลิตทางด้านการเกษตรที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และเศษฐกิจ เช่น ข้าว ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นสิ่งที่จำเป็น ชาวโลก หรือประเทศต่างๆในโลกนี้ขาดไม่ได้ และประเทศไทยเรานั้น เป็นประเทศที่สามารถสร้างผลผลิตทางด้านการเกษตรเหล่านี้ และส่งออกได้เป็นปริมาณมาก ลำดับต้นๆของโลก ยกตัวอย่างเช่น ข้าว และยางพารา จะพูดว่าเราเป็นผู้นำการส่งออกของโลก ก็สามารถพูดได้

เราคิดว่า เราไม่ขายข้าวให้ เราไม่ขายยางพารา ชาวโลกต้องตายแน่ๆ!

ความคิดเหล่านี้ใครเป็นคนปลูกฝังกัน จริงๆแล้วที่เขาซื้อจากเรา เขาไม่ปลูกข้าว เพราะเขานำเข้าจากเรานั้นถูกกว่าเขาทำเอง เขาจึงเลือกทำหรือผลิตสิ่งอื่นๆ ที่จะสร้างผลกำไร ผลประกอบการได้มากกว่า แล้วเอาเงินส่วนน้อยของเขา มาซื้อข้าวที่เราทำ

ไม่เชื่อหรอก เขาทำไม่ได้ เราไม่ส่งข้าวให้ตายแน่ๆ..

ในทางกลับกัน หากเขาเลือกที่จะปลูกเอง เราจะเดือนร้อนไม่ใช่น้อยเหมือนกัน เพราะเทคโนโลยีปัจจุบัน การปลูกพืช ผัก ผลไม้ ทำได้หมด เพียงแต่เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว เลือกทำอะไรจะได้ผลประกอบการมากกว่ากัน

ลองคิดดูดีๆ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว หนึ่งครอบครัว 4 คน สามารถปลูกข้าวได้กี่ไร่ต่อปี ได้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละกี่กิโลกรัมต่อปี ถึงวันนี้ 1 ครอบครัว 4 คน พร้อมรถแทรคเตอร์ 1 คัน รถเกี่ยวข้าว 1 คัน ปลูกข้าวได้บนพื้นที่กี่ไร่ต่อปี ได้ผลผลิตเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกี่กิโลกรัมต่อไร่ จากเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ใน 1 ครอบครัว สามารถสร้างผลผลิตข้าวได้มากขึ้นเป็นจำนวนกี่เท่า เมื่อเทียบกับ 20 ปีที่แล้ว

ชาวอเมริกา ทำไร่ข้าวโพด ใช้ครื่องจักรทั้งหมด ใช้เครื่องบินพ่นปุ๋ย พ่นยา หนึ่งครอบครัว ดูแลพื้นที่เพาะปลูกได้นับพันไร่ ปัจจุบันมีโดรน สามารถโปรแกรมการทำงาน มาร์คจุดบินด้วยระบบ GPS ทำงานแทนคนได้ จะแบ่งเบาภาระไปมากเท่าไร เขาเปลี่ยนจากไร่ข้าวโพด มาปลูกข้าวได้ไหม ถ้าเราไม่ขายข้าว หรือเราเก่งกว่าเขาแน่นอน ไม่ต้องห่วง

อะไรที่ดูเหมือนจะขาด อาจจะกลับกลายเป็นมีมากมายเหลือเฟือ เพราะชาวโลกกลัวที่จะขาด จึงหาวิธีที่จะทำไม่ให้มันขาด ยุคหินไม่ได้สิ้นสุดไปเพราะหินหมด น้ำมันไม่ได้หมดยุคเพราะไม่มีเหลือ นวัตกรรม ที่โดนกระตุ้นด้วยความกลัวว่ามันจะขาด จะถูกสร้างเข้ามาแทนที่เสมอ

จริงๆแล้วเรื่องราคาข้าวนี้ มันอ่อนไหว ในเมื่อสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกแล้ว ผลผลิตออกมาได้มาก ก็ไม่ควรโทษเกษตรกร เพราะเกษตรกรทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ ประเทศให้ปลูกข้าว เกษตรกรเราก็ทำได้ผลผลิตดี เป็นอันดับ 1 ของโลก บอกให้ปลูกมันสำปะหลัง เกษตรกรเราก็ปลูกป้อนให้ จนมีมากมาย บอกให้ปลูกยางพารา เกษตรกรไทยเราก็ปลูก จนได้ส่งออกเป็นอันดับ 1 ของโลก

เกษตรกรไทย ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบที่สุด แต่พอราคาตก กลับมาโทษว่าปลูกกันเยอะ!

พอถึงวันที่ขายผลผลิตไม่ได้ ทำไมจึงมาโทษเกษตรกร ทำไมไม่โทษพ่อค้า ที่ไปสู่การตลาดการส่งออกของประเทศอื่นๆไม่ได้ ทำไมไม่โทษคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ไม่สามารถเจรจารวมกลุ่มระหว่างประเทศ เพื่อสร้างอำนาจการต่อรองเรื่องราคาขาย

ตกลงแล้ว ราคาข้าวถูกลง เพราะเกษตรกรปลูกได้เยอะ ปลูกได้ผลผลิตดี เกษตรกรผิดหรือ?

ส่งความคิดเห็น