data-ad-format="autorelaxed">
มะละกอฮอลแลนด์
ถ้าพูดถึงมะละกอ การที่จะปลูกแล้วให้ได้ราคาดี มีตลาดหลายทางเลือกควรปลูกมะละกอกินสุก ถ้าพูดถึงมะละกอกินสุกคงหนีไม่พ้นมะละกอฮอลแลนด์ ที่กำลังเป็นที่นิยมและต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ไม่ต้องห่วงว่าปลูกแล้วจะไม่มีที่ขาย เพราะขนาดมะละกอตกเกรดตกไซด์แล้วยังส่งขายโรงงานได้ราคาเหมือนเดิม
ปัจจุบัน มะละกอฮอลแลนด์ ขายส่งหน้าสวนอยู่ทีราคากิโลกรัมละ 10-15 บาท ถือว่าราคาดีเลยทีเดียว สำหรับมะละกอ 1 ไร่จะให้ผลผลิตถึง 400-800 กิโลกรัมต่อการเก็บเกี่ยวหนึ่งครั้ง เดือนนึงสามารถเก็บได้ 3-4 ครั้ง โดยเว้นการเก็บ 3-5 วันต่อครั้ง เมื่อมะละกอเริ่มให้ผลผลิตจะสามารถเก็บไปได้เรื่อยๆยาวถึง 4 เดือน ก็จะทำการพักต้น การปลูกมะละกอครั้งหนึ่ง มีอายุการให้ผลผลิตถึงสามปี แล้วจะทำการโละต้นทิ้งแล้วปลูกใหม่ ส่วนฤดูที่มะละกอแพงจะเป็นช่วงเดือน กรกฎาคม-ตุลาคม โดยมะละกอที่จะมีผลผลิตออกช่วงนี้ได้ต้องออกดอกช่วงเดือน มีนาคม-เมษายน เพราะฉะนั้นเกษตรกรที่จะทำการปลูกมะละกอฮอลแลนด์ควรจะมีการวางแผนให้ดี ด้วยการที่เป็นพืชที่ให้ผลผลิตเร็ว ราคาดี ปลูกครั้งเดียวเก็บเกี่ยวได้หลายปี แบบนี้ แถมมีตลาดที่กว้าง มะละกอฮอลแลนด์จึงเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่น่าปลูกมากเลยทีเดียว เลยจะขอนำเสนอวิธีการปลูกตลอดจนการดูแลรักษาและการทำการตลาดของมะละกอฮอลแลนด์มาฝากพี่น้องชาวเกษตรกรที่สนใจกัน
การปลูกมะละกอ นั้นเราต้องมีการเตรียมดินที่ดี ไถพรวนดินให้ร่วนซุย เพิ่มอินทรีย์วัตถุในดิน โดยการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ตากดินฆ่าเชื้อไว้ จากนั้นก็มาเตรียมต้นพันธุ์ โดยคัดเลือกเมล็ดพันธุ์มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ นำเมล็ดมาแช่น้ำอุ่นหนึ่งคืน จากนั้นนำไปบ่มในผ้าชุ่มน้ำ 2-3 คืน เมื่อเมล็ดเริ่มงอกนำมาเพาะในถุงดำถุงละ 3 เมล็ด จากนั้นคลุมพลาสติกดำไว้อีก 5 วัน เมื่อเปิดพลาสติกออกมาต้นกล้าจะงอกออกมาสวยงามเลยทีเดียว จากนั้นเลี้ยงต้นกล้าต่อไปจนมีอายุ 45 วันจึงนำไปปลูกลงแปลง สำหรับระยะปลูกนั้นระยะที่พอดีจะอยู่ที่ประมาณ 2.5x3 เมตร ถึง 3x3 เมตร จากนั้นดูแลรดน้ำให้ปุ๋ยจนมะละกอออกดอกแล้วจึงคัดเลือกต้นที่เป็นดอกกะเทย(ดอกสมบูรณ์เพศ)ไว้
การดูดอกมะละกอว่าเป็นดอกสมบูรณ์เพศหรือไม่มีวิธีสังเกตดังนี้....
ลักษณะของดอกมะละกอ ดอกตัวผู้ (male/ staminate)
ดอกตัวผู้มีขนาดเล็กสุด อยู่บนก้านช่อดอกยาวประมาณ 25-100 เซนติเมตร
ช่อดอกห้อยลง ดอกมีลักษณะเล็กยาว กลีบดอกสีขาวเชื่อมติดกันจากโคนดอกขึ้นไปเป็นท่อยาว
และมีส่วนปลายแยกจากกันเป็น 5กลีบ มีเกสรตัวผู้ 10 อัน สั้นยาวคละกัน ตรงกลางดอกจะมีรังไข่เล็กๆ
แต่ไม่มีปลายเกสรตัวเมียที่จะรับเอาละอองเกสรตัวผู้ได้ ดอกตัวผู้จึงไม่สามารถเจริญเป็นผลได้ ถ้าเจอต้นที่ออกดอกแบบนี้ให้ตัดทิ้งไป
ลักษณะดอกมะละกอ ดอกตัวเมีย (female/ pistillate)
ดอกตัวเมียมีลักษณะสังเกตง่าย ดอกมีขนาดใหญ่ที่สุด เจริญเติบโตอยู่ติดกับฐานก้านใบ
ไม่ยื่นยาวออกมาเหมือนดอกชนิดอื่น อาจออกเป็นดอกเดี่ยวๆ หรือ 2-3 ดอกรวมกันเป็นกระจุกก็ได้
มีกลีบดอกสีขาว 5กลีบแยกออกจากกันชัดเจนตั้งแต่โคนดอก ไม่มีเกสรตัวผู้ เมื่อคลี่กลีบดอกออกมา
จะเห็นรังไข่เป็นกะเปาะสีขาวนวลเล็กๆ มีรูปร่างป้อม ส่วนปลายรังไข่มีที่รองรับละอองเกสรตัวผู้เป็นแฉกเล็กๆ 5 แฉก ดอกตัวเมียต้องอาศัยเกสรตัวผู้จากต้นอื่นมาผสมจึงจะติดผลได้ ผลที่เกิดจากดอกตัวเมียมักมีรูปร่างค่อนข้างกลมหรือกลมรี ลักษณะผลเป็น 5 พูโดยรอบ เนื้อบาง มีช่องว่างภายในผลมาก ไม่เป็นที่ต้องการของตลาดมากนัก ถ้าเจอต้นแบบนี้ก็ตัดทิ้งไป ปลูกไปก็ขายไม่ดี
ลักษณะดอกมะละกอที่เป็นดอกกะเทย หรือดอกสมบูรณ์เพศ (bisexual/ hermaphrodite)
ดอกกะเทย หมายถึงดอกที่มีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่ครบในดอกเดียวกัน ดอกกะเทยเกิดอยู่บริเวณง่ามใบ มีก้านดอกสั้น จะสังเกตเห็นเป็นดอกเล็กๆ ติดกันเป็นกลุ่ม ลักษณะของดอกโดยทั่วไปจะคล้ายกับดอกตัวเมีย แต่มักมีขนาดเล็กกว่า ส่วนโคนของดอกจนถึงส่วนกลางของดอกจะติดกันแล้วจึงไปแยกออกจากกันตอนปลายกลีบภายในประกอบด้วยรังไข่และเกสรตัวผู้ 5-10 ชุด แล้วแต่ประเภทของดอก เกสรตัวเมียของดอกกะเทยอาจได้รับการผสมจากเกสรตัวผู้จากดอกเดียวกัน หรือผสมกับเกสรตัวผู้ของดอกตัวผู้บนต้นกะเทยก็ได้หรืออาจได้รับการผสมจากต้นตัวผู้และต้นกะเทยต้นอื่นๆ ก็ได้ เมื่อผสมกันติดแล้ว รังไข่จะขยายตัวเป็นผลลักษณะของผลมีหลายแบบแต่ส่วนมากมักจะเป็นผลที่มีรูปร่างยาว ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด ถ้าเจอต้นแบบนี้ให้เก็บไว้
การบำรุงรักษาและการให้ปุ๋ยมะละกอ
การให้ปุ๋ยมะละกอนั้นช่วงแรกๆจะบำรุงต้นและใบโดยใส่ปุ๋ยยูเรียสูตร 15-15-15 เดือนละครั้งต้นละประมาณ 400 กรัม พอมะละกอเริ่มออกดอกเปลี่ยนมาใช้สูตร 8-24-24 เพื่อเตรียมความพร้อมในการออกดอกและติดผล จากนั้นใช้สูตรนี้อย่างต่อเนื่อง ควรใส่ปุ๋ยคอกเสริมอินทรีย์วัตถุในดินทุกๆ 2 เดือนโดยใส่ต้นละ 2 กิโลกรัม จะทำให้มะละกอสมบูรณ์ออกดอกติดผลต่อเนื่อง ส่วนทางใบพ่นปุ๋ยน้ำสูตร 13-3-43 พร้อมกับแคลเซียม-โบรอน ตลอดทุก 10 วัน จะช่วยส่งเสริมให้มะละกอมีผลผลิตตลอด โดยมะละกอจะให้ผลผลิตหลังจากมีอายุประมาณ 8 เดือนเป็นต้นไป ....ทุกปีในช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม จะเป็นช่วงที่ผลมะละกอจะมีราคาสูงที่สุดในรอบปี บางช่วงราคา ณ ที่สวนขายกันถึงกิโลกรัมละ 30 บาทเลยทีเดียว เนื่องจากผลผลิตน้อย เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม ต้องนับย้อนหลังไป 8 เดือน คือช่วงเดือนธันวาคมและมกราคม เริ่มต้นปลูก แล้วมะละกอจะเริ่มออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน และในช่วงนี้เองจะต้องมีตัวช่วย คือ การให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากเป็นช่วงแล้ง และอากาศร้อน การให้น้ำจะช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศพร้อมกับให้ปุ๋ยอย่างเพียงพอ ตรงกับความต้องการของมะละกอด้วย ถ้าบำรุงรักษาดี ปุ๋ยถึง น้ำถึง เราก็จะได้มะละกอขายในช่วงที่มีราคาดี ในปริมาณมากๆ นั่นหมายถึงผลกำไรที่ตามมาด้วย
สำหรับการตลาดของมะละกอนั้น มะละกอฮอลแลนด์เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งปี จึงไม่ยากที่จะหาตลาด โดยเข้าไปติดต่อแม่ค้าที่ตลาดไท หรือตลาดสี่มุมเมือง หรือตลาดหลักตามจังหวัดแต่ละภูมิภาค สำหรับมะละกอที่ตกเกรดก็ยังสามารถขายได้โดยขายส่งให้โรงงานราคาก็จะต่ำลงมาหน่อย ด้วยการที่มะละกอฮอลแลนด์เป็นพืชที่ปลูกง่าย โตเร็ว ให้ผลผลิตเยอะ มีอายุการเก็บเกี่ยวที่ยาวนาน และเป็นที่ต้องการของตลาดตลอดปี มะละกอฮอลแลนด์จึงเป็นพืชเศรษฐกิจอีกตัวที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว
ข้อมูลจาก farmfriend.blogspot.com