data-ad-format="autorelaxed">
พลิกผืนนา 5 ไร่ เลี้ยงกุ้งกามแดง รายได้แต่ละเดือนไม่ต่ำกว่า 3 แสน
พบอีก! ตัวอย่างเกษตรกรไทยที่ขอนแก่นไม่ยอมจมปรักทนทุกข์กับอาชีพทำนาที่ชะตากรรมเผชิญแต่ปัญหาแล้ง-น้ำท่วมซ้ำซาก พลิกผืนนา 5 ไร่ขุดบ่อเลี้ยง “กุ้งก้ามแดง” กุ้งชนิดแรกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำเข้ามาทดลองเลี้ยงในไทยแต่ยังรู้จักเฉพาะกลุ่มคนเลี้ยงเพื่อดูเล่นเพราะความสวยงาม เผยเป็นรายแรกในอีสานที่เลี้ยงกุ้งชนิดนี้เป็นอาชีพทำรายได้แต่ละเดือนไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท คาดหวังสร้างค่านิยมใหม่ให้เป็นกุ้งเนื้อเพื่อบริโภค
“กุ้งก้ามกามแดง”สัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ที่น่าสนใจสำหรับเกษตรกรที่กำลังมองหาอาชีพใหม่แทนการทำนาที่นับวันมีแต่อุปสรรคโดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งขาดแคลนน้ำ นายชูชีพ กลีบจอหอ อายุ 50 ปี ชาว ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของเกษตรกรที่หันมาเลี้ยงกุ้งก้ามแดงแทนการทำนา โดยพลิกพื้นที่นาข้าวกว่า 5 ไร่ขุดบ่อเลี้ยงกุ้งเมื่อราว 3 ปีที่แล้ว จนวันนี้เขามีรายได้จากการขายกุ้งก้ามแดงเดือนละกว่า 1 แสนบาท
นายชูชีพ กลีบจอหอ เล่าว่า เดิมตนยึดอาชีพทำนาปลูกข้าว ซึ่งเป็นอาชีพที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ซึ่งทุกปีพื้นที่บริเวณนี้เกิดความแห้งแล้งข้าวล้มตายเสียหาย ตนต้องรับภาระหนี้สินจากผลกระทบดังกล่าวรวมแล้วหลายแสนบาท จึงพยายามเลิกปลูกข้าวแล้วหันมาเลี้ยงสัตว์เพื่อหารายได้แทนการทำนา เช่น การเลี้ยงปลา เลี้ยงกบ และเลี้ยงจิ้งหรีด แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ขาดทุนทุกปี เพราะต้นทุนวัตถุดิบที่นำมาเลี้ยงสัตว์เหล่านี้สูงมาก
ตอนนั้นตนเครียดมากเพราะมีลูก 2 คนที่ต้องส่งเสียเรียนหนังสือ ซ้ำยังต้องมาป่วยเป็นโรคมะเร็งอีก ภรรยาจึงได้ลาออกจากงานประจำเพื่อมาดูแลตน
จากนั้นในช่วงต้นปี 2556 หลังตนเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ขอนแก่น แพทย์บอกว่าอาการมะเร็งของตนสามารถรักษาให้หายได้ กระทั่งช่วงกลางปี 2556 อาการมะเร็งได้หายขาดจนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ วันหนึ่งตนเปิดทีวีดูรายการช่องหนึ่งเห็นเกษตรกรในจังหวัดราชบุรีเลี้ยงกุ้งก้ามแดงขายสร้างรายได้เป็นอย่างดี
“กุ้งก้ามแดง” หรือที่เรียกว่า “ล็อบสเตอร์น้ำจืด” มีถิ่นกำเนิดจากประเทศออสเตรเลีย ขนาดโตเต็มที่คือ 12 นิ้ว อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 4 ปี โดยกุ้งก้ามแดงเป็นกุ้งชนิดแรกที่ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงทดลองเลี้ยงเพื่อเป็นอาหาร เพราะเป็นกุ้งที่มีการเจริญเติบโตค่อนข้างเร็วและมีขนาดใหญ่
ลักษณะเด่นคือ มีขนาดใหญ่และสีของกุ้งมีการเปลี่ยนแปลงตลอด แต่สีที่พบมากที่สุดคือ สีเขียว สีน้ำตาล และสีน้ำเงิน ซึ่งคนไทยจะเรียกว่า บลูล็อบสเตอร์
นายชูชีพเล่าต่อว่า หลังจากศึกษาการเลี้ยงกุ้งก้ามแดงได้ความรู้พอสมควร จึงได้หารือกับภรรยาว่าจะลองปรับพื้นที่นาที่มีกว่า 5 ไร่ ขุดบ่อขนาดกว้าง 7 เมตร ยาว 15 เมตรขึ้นมา 3 บ่อเพื่อทดลองเลี้ยงกุ้งก้ามแดงดู ตอนแรกก็รู้สึกกังวลว่าจะเลี้ยงได้หรือไม่และหากเลี้ยงแล้วจะมีตลาดรองรับหรือเปล่า จึงให้ลูกสาวหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ปรากฏว่ามีกลุ่มคนที่เลี้ยงกุ้งก้ามแดงในเฟซบุ๊กกลุ่มกว่า 2,000 คน
จึงตัดสินใจลงมือเลี้ยงทันที และหลังจากนั้นไม่นานก็ให้ลูกสาวแจ้งข่าวในเฟซบุ๊กว่ามีกุ้งก้ามแดงขายในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นแล้ว
ต่อมาในช่วงปลายปี 2557 กลุ่มคนในโลกออนไลน์หลังทราบว่ามีกุ้งก้ามแดงขายในพื้นที่ขอนแก่นแล้ว ก็เริ่มมีโทรศัพท์สั่งซื้อกุ้งก้ามแดงที่ตนเลี้ยง บอกกันปากต่อปาก ยอดสั่งซื้อมีเข้ามาต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ตนเลี้ยงส่งขายแทบไม่ทัน รายได้ต่อวันประมาณ 3,000-4,000 บาท รายได้ต่อเดือนประมาณ 1 แสนบาท บางเดือนได้เกือบ 3 แสนบาท
“ถือเป็นรายได้ที่ดีมาก ตลาดตอบรับดีอาจเป็นเพราะในพื้นที่ยังไม่มีฟาร์มเลี้ยงกุ้มก้ามแดงก็ได้ ตอนนี้ผมลงทุนขยายบ่อเลี้ยงกุ้งเพิ่มจากที่มีอยู่ 3 บ่อ ทำเป็นบ่อซีเมนต์เพิ่มขึ้นมาอีก 5 บ่อ รวมเป็น 8 บ่อ เพื่อเลี้ยงกุ้งก้ามแดงโดยเฉพาะ” นายชูชีพกล่าว และว่า
การเลี้ยงกุ้งก้ามแดงของตนนั้นถือว่าเป็นรายแรกๆ ในจังหวัดขอนแก่นและในพื้นที่ภาคอีสานที่เริ่มต้นเลี้ยง เกษตรกรในแถบภาคอีสานส่วนใหญ่จะยังไม่ทราบเกี่ยวกับการเลี้ยงกุ้งชนิดนี้มากนัก ซึ่งกุ้งชนิดนี้เกษตรกรในแถบภาคกลางของไทย คือจังหวัดราชบุรีนิยมเลี้ยงเพื่อจำหน่ายกันมาก
สำหรับขั้นตอนการเลี้ยงกุ้งชนิดนี้ไม่ยาก ดูแลง่าย ใช้ต้นทุนในการเลี้ยงน้อยมาก น้ำในบ่อจะเป็นน้ำแบบไหนก็ได้ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำตั้งแต่กุ้งอายุ 1 วันจนมันตายไปเองประมาณ 4-5 ปี ส่วนการให้อาหารก็เป็นเพียงอาหารกุ้งทั่วไปที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดราคาถุงละ 1 พันบาท สามารถใช้เลี้ยงกุ้งทั้งหมด 8 บ่อ ได้นานประมาณ 8 เดือน ถือได้ว่าประหยัดต้นทุนเรื่องอาหารมาก
ส่วนอายุของกุ้งที่พร้อมสำหรับจำหน่ายคือ 2 เดือนแรกราคาขายอยู่ที่ตัวละ 20 บาท หากกุ้งมีอายุ 5 เดือนซึ่งพร้อมสำหรับการเป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ราคาจะตกอยู่ที่ตัวละ 300 บาท แต่หากกุ้งที่มีอายุตั้งแต่ 1 ปีไปจนถึง 4 ปีราคาจะสูงถึงตัวละ 2,000 บาท ถึง 5,000 บาทเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ในเมืองไทยยังนิยมเลี้ยงกุ้งก้ามแดงเพื่อความสวยงาม หากดูแลเลี้ยงอย่างดีแล้วจะสามารถขายต่อได้ในราคาสูง
กุ้งชนิดนี้มีจุดเด่นอีกอย่างคือแถบข้างของก้ามจะมีสีแดง และสีส้ม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งแถบสีเหล่านี้จะพบกับกุ้งเพศผู้เท่านั้น ส่วนเพศเมียจะไม่มีแถบสี กุ้งชนิดนี้เลี้ยงง่าย ปรับตัวได้ไว และภูมิต้านทานโรคสูง ปัจจุบันเกษตรกรนำมาเลี้ยงเป็นกุ้งเนื้อ และกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด
ข้อมูลจาก http://www.manager.co.th...