data-ad-format="autorelaxed">
วิศวกรสู่ชาวไร่ข่า
จากเส้นทางอาชีพวิศวกรที่กรำงานหนัก ทั้งออกแบบโครงสร้างอาคารในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศมานานกว่า 10 ปี และมีรายได้สูงถึง 50,000 บาทต่อเดือน แต่จุดเปลี่ยนของชีวิตก็เกิดขึ้น เมื่อเขามีโอกาสได้สร้างโกดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโกดังส่งออกผลิตภัณฑ์ “ข่า” ที่มีการส่งออกจำนวนมาก และจุดนี้เองที่เปลี่ยนชีวิตของเขาจากวิศวกรรับเงินเดือนมาเป็นเกษตรกรนับเงินล้าน
ใช้เวลาศึกษาเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจการปลูกข่านานถึง 2 ปี ก่อนจะลงแปลงปลูกจริง ซึ่งข่าถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าจับตา เพราะเป็นพืชเครื่องเทศที่มีความนิยมสูงในการนำมาเป็นส่วนประกอบในหลากหลายเมนูอาหาร อีกทั้งเป็นพืชที่ทนแล้งใช้น้ำน้อย ต้านทานโรคทางวัชพืชได้ดี ปลูกและดูแลง่าย สรรพคุณมากมายและตลาดมีความต้องการสูงอีกด้วย
“เบียร์” หรือ ราชพฤกษ์ รักษาการ วิศวกรหนุ่มวัย 40 ต้นๆ หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “เฮียเบียร์” ที่มีใจรักและเป็นมืออาชีพในการเล่นดนตรี ผันตัวเองจากวิศวกรมาเป็นเกษตรกรปลูกข่ารายใหญ่ที่สุดใน จ.ขอนแก่น และจังหวัดใกล้เคียง จนได้ชื่อว่าคนเกษตรรุ่นใหม่ เขาอยู่หมู่ 39 หมู่ 6 บ้านหนองปลาหมอ ต.หนองปลาหมอ อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น ซึ่งถือเป็นผู้นำเกษตรกรผู้ที่บุกเบิก “ข่าตาแดง-ข่าตาเหลือง” ที่ไฟแรงที่สุดในยุคนี้ ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปตามภาคต่างๆ และต่างประเทศยังต้องมาติดต่อค้าขายร่วมธุรกิจกับเขาด้วย โดยเฉพาะเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว ก็สนใจมาปรึกษาเกี่ยวกับการปลูกข่าและร่วมทำธุรกิจกับเขาด้วย
“เบียร์” บอกว่า เขาตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการเปลี่ยนวิธีคิดใหม่คือกล้าคิดต่าง ใจถึง มีน้ำใจต่อเพื่อนเกษตรกรด้วยกัน แบ่งปันเรื่องราวต่างๆ อย่างชัดเจน ตรงไปตรงมา รายละเอียดของเนื้องานต้องลงลึกและทำให้ผลผลิตงอกงาม แถมมีรายได้ดีอีกด้วย ซึ่ง "ข่าตาแดง-ข่าตาเหลือง” เป็นข่าพันธุ์พิเศษที่ไม่ค่อยมีวัชพืชมาขึ้นแซม แถมปลูกง่าย ทนแล้ง ไม่ต้องใช้น้ำมากในการดูแล แตกหน่อดี มีหน่อที่ขาวและยอดปลายมีสีชมพูสวยงามเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งนำไปปรุงอาหารแบบสดและเอาเข้าโรงงานแปรรูปเพื่อประกอบเป็นวัสดุปรุงแต่งอาหารก็ได้ ที่สำคัญข่าที่นี่ปลอดสารพิษ สามารถส่งออกไปขายยังต่างประเทศโดยผ่านผู้ส่งออกอีกด้วย
นอกจากจะขายตลาดในประเทศแล้ว ตอนนี้ยังเร่งผลิตโดยกำลังจะเพิ่มพื้นที่ปลูกให้ถึง 1,000 ไร่ ภายในระยะเวลาอีก 3 ปีข้างหน้า เพราะตอนนี้ปลูกอยู่ประมาณ 120 ไร่ โดยเป็นที่ดินของเขาเองทั้งหมด เพราะ “ข่าตาแดง-ข่าตาเหลือง” กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดและกำลังมาแรง ผลตอบรับทางการตลาดดีมาก โดยราคาซื้อขายข่าอ่อนตอนนี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 25-30 บาทเลยทีเดียว ส่วนราคาข่าแก่ที่จะมีบ้างราคากิโลกรัมละ 10-15 บาท ซึ่งในการขุดข่าจำนวน 100 กิโลกรัม เฉลี่ยจะได้ข่าอ่อนมากถึง 80-90 กิโลกรัม ส่วนข่าแก่จะมีเพียง 10-20 กิโลกรัมเท่านั้น
ข่า ช่วยเหลือตัวเองได้!
“พืชตระกูลข่านั้นสามารถช่วยเหลือตนเองได้ โดยที่เราไม่ต้องดูแลตลอดเวลา ไม่ต้องรดน้ำทุกวัน ตอนนี้ปลูกข่า 120 ไร่ มีรายได้ไร่ละ 100,000-102,000 บาท ต่อการขุดหนึ่งครั้ง เฉลี่ยแล้วก็มีเงินเยอะเหมือนกันหากขุดหมดทั้ง 120 ไร่ เรียกว่าดีกว่าการทำอาชีพวิศวกรเสียอีก” เบียร์ กล่าว
เบียร์ ยังกล่าวเสริมอีกว่า “ทุกวันนี้มีหลายครัวเรือนที่หันมาปลูกข่าแทนการทำนาข้าวหรือแบ่งพื้นที่ทำการเกษตรเดิม เช่น สวนมะนาว มาปลูกข่าแทนมากขึ้น เพราะตลาดรับซื้อดีและมีความต้องการตลอดทั้งปี ซึ่งมีการบริหารจัดการที่ไม่ยุ่งยากนัก เป็นพืชที่ให้ผลผลิตเร็ว หลังจากปลูกเพียง 8 เดือนก็ขุดขายได้แล้ว รอบต่อไปรอทุกๆ 4-6 เดือนก็สามารถขุดขายได้ทุกๆ วันตามที่มีออเดอร์พ่อค้าสั่งและเมื่อเก็บแล้วก็สามารถแตกหน่อขึ้นมาใหม่ได้ ซึ่งข่าปลูกเพียงครั้งเดียวแล้วเกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวได้นานถึง 10 ปีเลยทีเดียว ไม่ต้องคอยปลูกใหม่ทุกๆ ปีเหมือนพืชชนิดอื่นๆ” เบียร์ บอก
วิธีปลูกข่า
ส่วนวิธีการปลูกนั้น เบียร์บอกว่า ไม่ยุ่งยากเลย แค่
1.การเตรียมดิน “ข่าตาแดง” เป็นพืชที่ชอบดินร่วนซุย ชอบดินชื้น แต่ไม่ชอบน้ำขัง หากพื้นที่ใดน้ำขังก็ต้องทำพื้นที่ให้เรียบเสมอกัน จากนั้นไถดะแล้วไถแปร ไถเปิดหน้าดินอย่างน้อย 50 เซนติเมตร โรยปุ๋ยขี้ไก่แกลบลงไปไร่ละ 1,000 กิโลกรัม แล้วไถกลบ เตรียมตากดินไว้ 7 วัน คลุมหน้าดินด้วยฟางข้าว 100 ก้อนต่อไร่ เพื่อเป็นการป้องกันหญ้าไม่ให้เกิดขึ้น
2.การเตรียมต้นพันธุ์ “ข่าตาแดง” ใช้ต้นพันธุ์อายุ 1.6 ปีเท่านั้น เพราะทดลองแล้วว่าอายุข่าตาแดงขนาดนี้เหมาะในการนำมาปลูก แตกแขนงดี แข็งแรง และมีตามาก นำมาแยกแง่ง ตัดใบ ตัดรากออกให้หมด แล้วล้างให้สะอาด แล้วนำต้นพันธุ์ที่เตรียมแล้วไปแช่น้ำยาเร่งรากและน้ำยากันเชื้อรา ประมาณ 20 นาที ถ้าเหง้าไหนใหญ่เกินไปก็ตัดแบ่งออก บริเวณรอยแผลที่ตัดให้ทาด้วยปูนกินหมากตรงแผลจะช่วยป้องกันเชื้อราได้ จากนั้นนำไปเพาะชำในแกลบดำ หรือขุยมะพร้าว แล้วรดน้ำให้ชุ่ม รอรากงอกประมาณ 10-15 วัน หากท่านใดไม่อยากรอก็สามารถนำเหง้าข่าที่แช่น้ำยาแล้วลงปักดำปลูกได้ทันที
3.การปลูกข่า ขุดหลุมให้ลึกประมาณ 1 หน้าจอบไม้ต้องลึกมากนัก เพราะจะทำให้ขุดยากและทำให้ต้นเน่าง่ายหากควบคุมการให้นำไม่ดี แล้วอาจจะรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยขี้ไก่แกลบ (หลีกเลี่ยงการใช้มูลวัว ควาย หมู เด็ดขาด เพราะง่ายต่อการแพร่หนอนกอ) ตอนปลูกให้ตาของหน่อข่าชี้ขึ้นด้านบน โดยทิ้งระยะห่างระหว่างกอที่ 80x60 เซนติเมตร ใน 1 ไร่จะปลูกข่าได้จำนวน 3,650 หลุม (กอ) แต่ถ้าปลูกจำนวนมากเกษตรกรก็จะไถเป็นร่องเหมือนร่องมันสำปะหลังแล้ววางเหง้าข่าและใช้จอบเกลี่ยดินกลบตาม
4.การให้น้ำแปลงข่า ในรอบหนึ่งเดือนให้น้ำข่า 2 ครั้ง คือวันที่ 1 และ 16 ของเดือน โดยตื่นตีห้าฉีดพ่นให้ปุ๋ยทางใบแก่ต้นข่า จากนั้นเปิดน้ำใส่ให้แปลงข่าชุ่มโชกจนถึงประมาณเที่ยงวันก็หยุด จากนั้นก็ปล่อยให้น้ำหน้าดินค่อยๆ ซึมลงไปในแปลงข่า พอวันที่ 16 ก็ทำเหมือนกันอีกรอบ หรือสังเกตหน้าดิน หากยังชุ่มอยู่ไม่ต้องให้น้ำ หากหน้าดินแห้งก็ให้น้ำเพิ่มเติม 5.การให้ปุ๋ย แนะนำให้ใช้เฉพาะปุ๋ยขี้ไก่แกลบเท่านั้น และเสริมด้วยปุ๋ยเคมีเล็กน้อย ด้วยระยะเวลาการเติบโต 8 เดือน ในช่วงเดือนที่ 1-4 ใช้ปุ๋ยสูตร 46-0-0 ช่วงเดือนที่ 5-7 ให้ใช้สูตร 0-0-60 ใส่โดยโรยรอบกอข่า ระยะห่าง 10 เซนติเมตร เพราะรากฝอยจะออกมาหาปุ๋ยกินเอง เพียงเท่านี้ เอาใจใส่ตามคำแนะนำก็สามารถปลูกข่าตาแดงให้ได้ผลผลิตดี ตรงตามความต้องการแน่นอน
6.การขุดข่า ล้างข่า บรรจุถุง จะทำได้ง่ายมากเพราะดินมีแกลบอยู่มาก เมื่อขุดหัวข่าขึ้นมาแล้ว นำมาตัด ด้วยการวัดระยะ หนึ่งกำมือแล้วตัด จากนั้นใช้สายยางฉีดน้ำล้างดินออกให้หมด เอาลงแช่น้ำสะอาดที่ผสมสารส้ม (น้ำสะอาด 100 ลิตร ใส่สารส้ม 1 ก้อนเท่าไข่ไก่) จะช่วยให้ข่าสดอยู่ได้หลายวัน จากนั้นบรรจุลงถุง ชั่งน้ำหนัก 10 กิโลกรัม เตรียมส่งจำหน่ายต่อไป
เคล็ดลับที่ช่วยให้ได้ผลผลิตดีคือทุกครั้งที่เกษตรกรขุดข่าออกแล้ว ควรกลบหลุมข่าที่ขุดแล้วด้วยแกลบดำให้พูนเป็นหลังเต่าทั่วทั้งกอข่า จะช่วยให้ข่ามีสีขาวแดงสวยและทำให้ข่าขุดง่ายในคราวต่อๆ ไป
อ้างอิง komchadluek.net