“บัวสวรรค์” หรือ “กัตตาเวีย” เป็นพืชดอกที่มีถิ่นกำเนิดมาจากตะวันออกกลาง แอฟริกาตะวันออก โคลัมเบีย คอสตาริกาและปานามา ซึ่งเป็นประเทศในเขตร้อนชื้น ใกล้เส้นศูนย์สูตร ดังนั้นการนำมาปลูกในบ้านเราจึงเป็นเรื่องไม่ยากและสามารถเจริญเติบโตได้ดี โดยสามารถออกดอกได้เหมือนกับต้นที่ปลูกในถิ่นกำเนิด
● ชื่อวิทยาศาสตร์ : Gustavia gracillima Miers
● วงศ์ : LECYTHIDACEAE
● ชื่อสามัญ : Gustavia, Gutzlaffia
● ชื่ออื่นๆ : บัวสวรรค์, บัวฝรั่ง
● ถิ่นกำเนิด : ตะวันออกกลาง แอฟริกาตะวันออก โคลัมเบีย
● ประเภท : ไม้พุ่มสูงหรือหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูง 2-5 เมตร
● ลักษณะทั่วไป :
ต้น : เปลือกต้นสีน้ำตาลเข้ม ลำต้นตรง รอบลำต้นกว้างประมาณ 30 เซนติเมตรหรือ 1 ฟุต แต่ลำต้นอาจจะใหญ่กว่านี้ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศและท้องถิ่นที่ปลูก ตามลำต้นจะมีตุ่มปมขนาดต่างๆ ปรากฏอยู่ทั่วไปรอบลำต้น ผิวลำต้นหยาบขรุขระ
ใบ : เป็นใบเดี่ยวรูปหอก เวียนเรียงสลับเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง ขอบใบเป็นคลื่น โคนสอบ ปลายแหลมยาวคล้ายหาง ผิวใบมันสีเขียว ไม่ผลัดใบ ขนาดใบกว้าง 5-8 เซนติเมตร ยาว 13-25 เซนติเมตร
ดอก : กลีบดอกหนา ซ้อนเหลื่อมกัน ออกดอกเดี่ยวตามซอกใบใกล้ยอด สีชมพูอ่อนมีกลีบดอก 8-9 กลีบ ลักษณะค่อนข้างกลม ขอบกลีบเป็นคลื่นหยัก งอ ปลายกลีบจะมีสีเข้มกว่าโคนกลีบ เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางดอก 7-10 เซนติเมตร มีเส้นเกสรจำนวนมากอยู่ตรงกลาง ดอกคล้ายดอกบัวหลวงแต่ใหญ่และสวยกว่ามาก แต่ดอกมักออกซ่อนอยู่ภายในทรงพุ่ม ถ้าไม่สังเกตให้ดีก็จะไม่พบดอกที่กำลังบาน โดยส่วนใหญ่จะรู้ว่าต้นออกดอกก็เมื่อเห็นกลีบดอกที่ร่วงลงบนพื้นแล้ว เมื่อกลีบดอกและเกสรร่วงจะเหลือแต่ด้านในที่เป็นฝักสีเขียว น้ำหวานจากดอกมีความหวานมาก มีกลิ่นหอมช่วงกลางวัน ดอกบานและร่วงภายใน 1 - 2 วันเท่านั้น
ผล : ผลบัวสวรรค์จะมีลักษณะคล้ายรูประฆังคว่ำขนาด 3-4.5 เซนติเมตร มีเนื้อกลมคล้ายลูกข่าง ปลายผลตัดแบน ผลอ่อนสีเขียว เมื่อแก่สีน้ำตาลอมเขียว ผิวขรุขระไม่เรียบ ภายในผลมีเนื้อสีเหลืองและมีเมล็ด 3 เมล็ด
เมล็ด : สีดำผิวเกลี้ยงเป็นมัน รูปไข่เบี้ยว ที่ขั้วผลมีเนื้อสีเหลืองติดอยู่ กว้าง 1.2-1.5 เซนติเมตร ยาว 1.7-2.0 เซนติเมตร
● ฤดูการออกดอก : ออกดอกช่วงฤดูฝน (มิ.ย. - ต.ค.)
● การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด, ตอนกิ่งและปักชำ
- การเพาะเมล็ด ตามธรรมชาติเมล็ดของบัวสวรรค์มีขนาดใหญ่และหนัก จึงไม่สามารถกระจายออกไปไกลจากโคนต้นได้มากนัก เมื่อผลเน่าเสียเมล็ดจะถูกฝังลงดินและงอกเป็นต้นอ่อนขึ้นมา ต้นจากการเพาะเมล็ดจะใช้เวลาในการออกดอกถึงห้าปี ช้ากว่าต้นจากการปักชำหรือตอนกิ่ง
● การดูแลรักษา :
- เป็นพันธุ์ไม้หอมที่ดูแลง่าย ทนต่อสภาพแวดล้อม ชอบแสงแดดจัดและน้ำปานกลางถึงมาก
- ชอบแดดรำไรถึงแดดจัด หมั่นรดน้ำพรวนดินบ้าง
● ข้อดีของพันธุ์ไม้ :
1.เป็นพันธุ์ไม้หอมที่ดูแลง่าย ทนต่อสภาพแวดล้อม แข็งแรงไม่ต้องดูแลมาก เป็นต้นไม้ที่น่าปลูกประดับบ้านเป็นอย่างยิ่ง
2.ใบไม่ค่อยร่วง ใบหนาทึบเหมาะกับการปลูกกรองแสงลดความร้อมเข้าตัวบ้าน
3.ดอกสวยหอมชื่นใจ มีดอกคล้ายดอกบัว เมื่อดอกโรยจะมีผลคล้ายฝักบัวอีกด้วย กลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนดอกบัว
● สรรพคุณ :
ใบ : ในสมัยโบราณ ชาวอินเดียนแดงใช้ใบต้มทำยาแก้พิษจากการถูกธนูพิษยิงและแก้พิษไข้ แก้หวัด
ดอก : น้ำจากก้านดอกอ่อน นำไปหมักแล้วกลั่นรับประทาน บำรุงโลหิตและบำรุงธาตุ
● การใช้ประโยชน์ : ใช้เป็นไม้ประดับ ใบเขียวตลอดปีช่วยให้บ้านดูร่มรื่นเย็นสบาย
ต้น : ลำต้นที่ตรงใช้ได้ดีสำหรับการก่อสร้าง
เยื่อไม้ : ใช้ทำด้าย
ข้อมูลจาก maidokmaipradab.blogspot.com