มะม่วงชนิดนี้ เป็นมะม่วงพันธุ์ไทยโบราณ นิยมปลูกและนิยมรับประทานมาช้านานเกือบทุกภาคของประเทศไทย ปลูกมากที่สุดในแถบภาคกลาง มีลักษณะเด่นประจำพันธุ์คือ เป็นมะม่วงติดผลดกมากตามฤดูกาล รูปทรงของผลสวยคล้ายกับมะม่วงพิมเสนและผลของมะม่วงมหาชนก แต่ผลของ “มะม่วงลิ้นงูเห่า” จะเรียวยาวและใหญ่กว่าเล็กน้อยอย่างชัดเจน เมล็ดลีบและบาง ผลดิบรสเปรี้ยวจัด ฉ่ำน้ำและกรอบ ปอกเปลือกสับฝานเป็นฝอยๆ ปรุงเป็นส้มตำมะม่วงหรือยำมะม่วงจะมีกลิ่นหอมแบบเปรี้ยวๆ หรือคนส่วนใหญ่นิยมเรียกว่ากลิ่นส้ม โชยเข้าจมูกทำให้น้ำลายสออยากรับประทานทันที
ผลสุกเปลือกผล จะเป็นสีเหลืองเข้มอมส้มสวยงามน่าชมยิ่ง โดยเฉพาะผลสุกจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวเช่นเดียวกับมะม่วงพิมเสนและมะม่วงมหาชนก ทำให้รู้สึกได้ทันที เนื้อสุกเป็นสีเหลืองเข้มหรือสีส้ม รสชาติหวานหอมเหมือนเนื้อสุกของมะม่วงอกร่องทุกอย่าง จึงถือเป็นเรื่องแปลกมาก เนื้อสุกขนาดไหนก็ไม่เละ ยังคงเหนียวหนึบไม่มีเสี้ยน รับประทานอร่อยยิ่งนัก ในยุคสมัยก่อนผู้เฒ่าผู้แก่ นิยมใช้มีดคมๆเฉือนผลสุกทั้งเปลือก 2 แก้มผลแล้วใช้ช้อนตักเอาเนื้อกินกับข้าวสวยร้อนๆ ข้าวเหนียวมูนหรือข้าวเหนียว นึ่งสุกใหม่ๆ อร่อยได้คุณค่าทางโภชนาการดีไม่แพ้การรับประทานกับมะม่วงอกร่องสุกแต่อย่างใด
มะม่วงลิ้นงูเห่า มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับมะม่วงทั่วไป เป็นมะม่วงพันธุ์เบา คือ ติดผลง่ายและดกเต็มต้นตามฤดูกาลโดยธรรมชาติ เวลาติดผลจะเป็นพวง 3–5 ผล ผลโตเต็มที่มีน้ำหนักเฉลี่ยระหว่าง 3 ผลต่อ 1 กิโลกรัม วัดความหวานของเนื้อสุกได้ประมาณ 25 องศาบริกซ์ ติดผลปีละครั้งตามฤดูกาลที่กล่าวข้างต้น ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ตอนกิ่ง ทาบกิ่ง และเสียบยอด ส่วนที่มาของชื่อ เนื่องจากรูปทรงของผลเรียวยาว ปลายโค้งงอดูคล้ายกับลิ้นงูเห่า จึงถูกตั้งชื่อว่า “มะม่วงลิ้นงูเห่า” ดังกล่าว และเรียกชื่อนี้เรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน ใครต้องการต้นพันธุ์ติดต่อ “คุณไก่สวนฑณศา” โทร.08–7753–5849 ราคาสอบถามกันเองครับ.
ข้อมูลจาก
“นายเกษตร”
thairath.co.th/content/505901