ข้าวอินทรีย์ปลอดสารพิษ
ข้าวเป็นอาหารหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนไทยมาตั้งแต่ยุคในน้ำมีปลา ในนามีข้าว มาจนถึงยุคปัจจุบันข้าวก็ยังมีความสำคัญต่อ วิถี
data-ad-format="autorelaxed">
โดย... ปรีชา คงเกลี้ยง
นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 5
สำนักงานเกษตรจังหวัดชลบุรี
(เรียบเรียงเนื้อหาจากบทวิทยุกระจายเสียง ปี 2548)
ข้าวเป็นอาหารหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนไทยมาตั้งแต่ยุคในน้ำมีปลา ในนามีข้าว มาจนถึงยุคปัจจุบันข้าวก็ยังมีความสำคัญต่อ
วิถีชีวิตของคนไทย แต่กระแสความนิยมในการบริโภคข้าวระยะหลังเปลี่ยนไปคือใส่ใจในชนิดและคุณภาพของข้าวมากขึ้น คนไทย
หันมานิยมบริโภคข้าวปลอดสารพิษหรือข้าวอินทรีย์ปลอดสารพิษมากขึ้น
ภาพจาก Web Site
http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/622/622/images/RiceFarm/01.jpg
ความเป็นมาของความอินทรีย์ปลอดสารพิษ
ความคิดริเริ่มในการส่งเสริมการปลูกข้าวปลอดสารพิษ ทางสำนักงานเกษตรอำเภอโดยสำนักงานเกษตรจังหวัดและกรม
ส่งเสริมการเกษตรมีนโยบาย ให้เกษตรกรส่งเสริมกันเป็นกลุ่ม และเริ่มจากกลุ่มศูนย์ส่งเสริมและผลิตภัณฑ์ข้าวชุมชน ตั้งแต่
ปี 2544 ทำต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน และมีแนวคิดว่าจะทำอย่างไรให้เกษตรกรได้รับราคาข้าวที่สูงขึ้น และในโครงการนี้มีโครงการ
ฝึกอบรมตามโครงการโรงเรียนเกษตรกรข้าวในพระราชดำริ จัดมาต่อเนื่องเพื่อให้เกษตรกรได้รับทราบวิธีการผลิตข้าวแนวใหม่
คือให้ปลอดภัยจากสารพิษ
ข้าวทุกชนิดสามารถทำเป็นข้าวอินทรีย์ปลอดสารพิษได้ทุกพันธุ์ แต่จะเน้นในเรื่องของศักยภาพของพื้นที่ ความเหมาะสมของ
พื้นที่ที่เกษตรกรปลูกอยู่แล้ว และเกษตรกรมีความชำนาญอยู่แล้ว และเราดูทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของดิน ใน
เรื่องของน้ำ และความเชี่ยวชาญของเกษตรกรที่เขาผลิตอยู่เดิมแล้วไม่ได้เข้าไปเปลี่ยนแนวทางอะไรมากมายนัก และอีกแนวทาง
หนึ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดในการผลิตการเกษตรทุกวันนี้คือความต้องการของตลาด เรื่องของตลาดรองรับผลผลิตมีสมาคมอนุรักษ์
และพัฒนาไก่พื้นบ้านเมืองไทยมีความประสงค์ที่จะจัดซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาโดยตรง ในพื้นที่เขตพัสนิคม ประมาณ 700 ตัน เพื่อ
นำข้าวเปลือกไปเลี้ยงไก่พื้นเมืองของสมาคม ให้ราคาเกวียนละ 7,300 บาท
การปลูกข้าวให้ปลอดสารพิษนั้นมีวิธีการที่แตกต่างกับการปลูกข้าวทั่วไป เพราะการที่เราจะปลูกข้าวให้ปลอดภัยจากสารพิษ
ต้องคำนึงถึงปัจจัยการผลิต ต้องคำนึงถึงเรื่องดิน เรื่องน้ำ เรื่องเมล็ดพันธุ์ และเรื่องของเครื่องมือทางการเกษตร ทุกขั้นตอนต้อง
ปลอดภัยจากสารพิษ
ภาพจาก Web Site
http://gotoknow.org/file/uthaiunphim/เกี่ยวข้าว1.jpg
ในอนาคตในอำเภอพนัสนิคมกำหนดกลุ่มเกษตรกรและตัวบุคคล ผลิตและประชาสัมพันธ์หาแนวร่วมให้เกษตรกรที่จะผลิตข้าว
ไม่ปลอดภัยอยู่นี้ให้มาร่วมโครงการให้มากขึ้น
ค่าใช้จ่ายในการลงทุนปลูกข้าวอินทรีย์ปลอดสารพิษ
ค่าใช้จ่ายไม่สูงกว่าการผลิตข้าวทั่วไป ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าด้วย แต่ในระยะแรกคือเกษตรกรเคยผลิตข้าวใช้สารเคมีมากพอ
สมควรระยะหนึ่ง และคิดว่าถ้าไปทำเกษตรอินทรีย์แล้วอาจจะไม่คุ้มทุน แต่จริง ๆ แล้วผลผลิตไม่แตกต่าง และในอนาคตกลุ่มนี้จะ
แปรรูปข้าวเป็นข้าวสารจำหน่ายเองเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ผลิตว่าถ้าผลิตข้าวอินทรีย์แล้วและสามารถแปรรูปข้าวขายเองใน
ท้องถิ่น และได้ราคาที่สูงกว่าท้องตลาดทั่ว ๆ ไป
ชนัดดา ศรีรุ้ง ผู้เรียบเรียง
(เรียบเรียงเนื้อหาจากบทวิทยุกระจายเสียง ปี 2548)
www.stou.ac.th/study/sumrit/2-51/page1-2-51.html
อ่านเรื่องนี้แล้ว : 53475 คน
£
ความคิดเห็นจากผู้อ่าน:
คุณปภาณิน มณียศ[email protected]อยากทราบแหล่งผลิตงาดำ งาขาวอยู่ที่ใด และอยากทราบราคา สนใจจะซื้อค่ะ
20 ส.ค. 2555 , 01:58 AM e0 ชอบ | | | 0 ไม่ชอบ |
สุพล ประทุม[email protected]กำลังส่งเสริมชาวบ้าน ทำเกษตรอินทรีย์ มีทั้งข้าว พริก มะเขือ มะขามหวาน มะขามเปรี้ยว และส่งเสริมการตลาดในอนาคต ผลเป็นประการใด แนะนำด้วย
06 มิ.ย. 2555 , 09:09 PM e0 ชอบ | | | 0 ไม่ชอบ |
ศุภชัย[email protected]
ผมมีข้าวหอมนิลอยู่ ประมาณ 500 โล ข้าวผมขาย อยู่ 45บาท ขั้นต่ำ 50 กก.ต่ำกว่า 50 กก.คิด 70 บาท ไม่รวมค่าขนส่ง มีข้าวมะลิแดง ข้าวเหนียวดำ ด้วยครับ อยู่
20หมู่16 ต. นิเวศน์ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เบอร์ติดต่อ 089-9915283
ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมนิล ได้รับตรวจ gap แล้ว
07 ก.ค. 2554 , 10:01 AM e0 ชอบ | | | 0 ไม่ชอบ |
ศุภชัย[email protected]
ผมมีข้าวหอมนิลอยู่ ประมาณ 500 โล ข้าวผมขาย อยู่ 45บาท ขั้นต่ำ 50 กก.ต่ำกว่า 50 กก.คิด 70 บาท ไม่รวมค่าขนส่ง มีข้าวมะลิแดง ข้าวเหนียวดำ ด้วยครับ อยู่
20หมู่16 ต. นิเวศน์ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เบอร์ติดต่อ 089-9915283
07 ก.ค. 2554 , 09:57 AM e0 ชอบ | | | 0 ไม่ชอบ |
ฉัตรชัย[email protected]อยากได้ข้อมูลการปลูกข้าวแบบเกษตร
11 มี.ค. 2554 , 02:45 AM e0 ชอบ | | | 0 ไม่ชอบ |
รวี[email protected]ถ้ามีพืชผักปลอดสารพิษปลูกกันมากๆคงจะดีนะ แต่ที่มีอยู่ในร่างกายนี่ซิมากมายมาแบบไม่รู้ตัวด้วย อ่านนี่ดูดิ เผื่อจะเป็นประโยชน์ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงหละนะ
อันที่จริงมีตัวยาแผนปัจจุบันหลายขนานที่สามารถบำบัดถอนพิษได้ โดยเฉพาะในรายที่ได้รับพิษอย่างเฉียบพลัน แต่เนื่องจากยาถอดพิษแผนปัจจุบันดังกล่าวเป็นยาที่ซับซ้อนยากแก่การใช้มีแต่แพทย์เท่านั้นที่จะควบคุมการใช้ยาเหล่านี้ได้ ในที่นี้จึงใครขอเสนอวิธีถอนพิษด้วยยาสมุนไพร โดยเฉพาะในกรณีที่ได้รับพิษแบบสะสมจากสิ่งแวดล้อมหรือแม้แต่ได้รับพิษเฉียบพลันในบางระดับก็ตาม
ตำรับยาของไทยใช้ยาแก้เบื่อมีอยู่มากมายที่เป็นตัวหลักๆ เช่น รางจืด ย่านางแดง โลดทะนงแดง ก้างปลาแดง สั้นเตี้ย เป็นต้น ปัจจุบันที่มีรายงานศึกษาวิจัย มีเฉพาะรางจืดดอกม่วง (Thubregua Laurifolia Linn.)ซึ่งเป็นรางจืดที่มีโอสถสารแรงกว่าชนิดอื่น และในช่วงของรางจืดดอกม่วงนั้น ดอกสีม่วงแก่จะแรงกว่าดอกสีม่วงอ่อน
http://www.doctor.or.th/node/3697
ที่มา : บ้านไร่วิมานดิน
http://www.vimandin.com/tea
10 ก.ค. 2553 , 07:12 AM e0 ชอบ | | | 0 ไม่ชอบ |