ปีนี้ลิ้นจี่อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ให้ผลผลิตน้อย เนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจ บางสวนออกผลเพียงไม่กี่ต้น บางสวนได้ผลผลิตประมาณ 10% ไม่เพียงพอนำไปจัดงานเทศกาลประจำปีของจังหวัด หลายสวนจึงเปลี่ยนมาใช้วิธีเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ชิม ช็อป ถึงสวน และราคาลิ้นจี่ปีนี้ก็สูงถึงกิโลกรัมละ 120-200 บาท
ลิ้นจี่ค่อมต้นนี้ให้ผลมากที่สุด ประมาณ 100 กิโลกรัม แต่ยังน้อยกว่าปีที่แล้ว ซึ่งติดผลดกเต็มต้น นายชวน มีสกุล เจ้าของสวนใน อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม บอกว่า สภาพอากาศปีนี้ไม่เป็นใจ หนาวเป็นระยะสั้นๆ ไม่ครบช่วงเวลา ซึ่งลิ้นจี่ต้องการอากาศเย็นอุณหภูมิ 17 องศาฯ ต่อเนื่องกัน 100 ชั่วโมงขึ้นไป ทำให้สวนลิ้นจี่ส่วนใหญ่ในอัมพวามีผลผลิตน้อยมาก ไม่เพียงพอนำไปจัดงานเทศกาลประจำปีของจังหวัด บางสวนติดผลเพียงไม่กี่ต้น โดยที่นี่ได้ผลผลิตประมาณ 10% หรือราว 800 กิโลกรัม
สวนนี้มีพื้นที่ 8 ไร่ ปลูกลิ้นจี่ 13 สายพันธุ์ เน้นพันธุ์เศรษฐกิจที่ตลาดต้องการ โดยเฉพาะพันธุ์ค่อม กะโหลก และจีน แซมด้วยลิ้นจี่ลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ ชื่อว่า พันธุ์กรอบแก้ว ซึ่งผลใหญ่กว่า เนื้อแห้ง หอมหวาน รวมทั้งลิ้นจี่เบญจพรรณดั้งเดิม ทั้งพันธุ์สาแหรกทอง ช่อระกำ และแดงพยอม ช่วยให้การผสมเกสรมีความหลากหลาย และยังอาศัยผึ้งจิ๋วชันโรงบินผสมเกสร ทำให้ต้นลิ้นจี่ติดดอกออกผลได้มากขึ้น พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา ชม ชิม ช็อปถึงในสวน
หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตทั้งหมดของปีนี้แล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการปรับปรุงบำรุงต้น เริ่มจากตัดแต่งซ่อมแซมทรงพุ่มลิ้นจี่ แล้วสาดเลน โดยการขุดลอกคลองท้องร่อง นำโคลนเลนซึ่งเป็นอนินทรียวัตถุที่มีแร่ธาตุสูง ขึ้นมากลบร่องสวนและโคนต้นเป็นปุ๋ยธรรมชาติชั้นดี เสริมด้วยปุ๋ยเคมีและฮอร์โมนเร่งให้ต้นสมบูรณ์ สามารถแตกใบอ่อนได้อย่างน้อย 2 ครั้ง/ปี ซึ่งจะได้ผลผลิตเต็มที่ แม้อากาศหนาวไม่ถึง 100 ชั่วโมง/เนื่อง ก็ออกผลได้ในปีหน้า
จาก สำนักข่าวไทย