กรมวิชาการเกษตรนับถอยหลัง "พืชสวนไทย" สู่ตลาดเออีซี พร้อมดันผลไม้คุณภาพแข่งขัน ปรับแผนส่งเสริมการแปรรูปพืชผักเพิ่มมูลค่า หนุนผลิตเมล็ดพันธุ์ผักส่งออกโกยเงิน หวั่นกาแฟอาราบิก้าจากลาว-เวียดนาม ทะลักกระทบราคาในประเทศ แนะเกษตรกรเร่งปรับตัว
นายดิเรก ตนพยอม รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมได้เร่งเตรียมความพร้อมสำหรับพืชสวนไทยในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2558 โดยได้ปรับกลยุทธ์ให้เกษตรกรและผู้ประกอบการผลิตไม้ผลเศรษฐกิจที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานและมีความปลอดภัยปริมาณมากขึ้นเพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดเออีซี เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันทางการค้า โดยผลไม้ไทยที่มีศักยภาพ ได้แก่ ทุเรียน มังคุด ลำไย ชมพู่ ลิ้นจี่ สับปะรด ส้มโอ และมะม่วง เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะได้เปรียบคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนาม
ส่วนพืชผักได้ปรับแผนส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตเมล็ดพันธุ์ผักเพื่อการส่งออกมากขึ้น ซึ่งนับว่าไทยมีศักยภาพการผลิตสูง อาทิ เมล็ดพันธุ์มะเขือเทศ พริก แตงกวา ฟักทอง ผักบุ้งจีน มะระขี้นก และแตงร้าน เป็นต้น คาดว่าการส่งออกในรูปเมล็ดพันธุ์จะช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าได้ดีกว่าการผลิตและส่งออกในรูปพืชผักสดซึ่งมีคู่แข่งทั้งในและนอกกลุ่มอาเซียน เช่น จีน ขณะเดียวกันยังมีแผนส่งเสริมให้ผู้ประกอบการแปรรูปผลิตภัณฑ์พืชผักเพื่อการส่งออกด้วย เช่น การแปรรูปซอสพริก และซอสมะเขือเทศ ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มได้
"นอกจากนี้กรมวิชาการเกษตรยังมีแผนเร่งพัฒนาศักยภาพการผลิตพืชสมุนไพรคุณภาพเพื่อการส่งออก โดยมุ่งเพิ่มปริมาณผลผลิตที่มีคุณภาพสูงและให้ประโยชน์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีโอกาสที่จะแข่งขันได้ในตลาดเออีซีรวมถึงตลาดนอกอาเซียนด้วย ไม่ว่าจะเป็นสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง"
รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวอีกว่า สำหรับเมล็ดพันธุ์พืชผักที่ไทยมีศักยภาพการผลิตและส่งออกสูง คือ เมล็ดพันธุ์มะเขือเทศ โดยปีที่ผ่านมา มีปริมาณการส่งออกรวมกว่า 38.11 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 918.04 ล้านบาท รองลงมาคือ เมล็ดพันธุ์พริก มีปริมาณส่งออกกว่า 522.43 ตัน มูลค่าประมาณ 298.36 ล้านบาท เมล็ดพันธุ์แตงกวา มีปริมาณส่งออก 69.59 ตัน มูลค่า ประมาณ 229.62 ล้านบาท เมล็ดพันธุ์ฟักทอง มีปริมาณส่งออก 940.15 ตัน มูลค่า 124.57 ล้านบาท เมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน ปริมาณส่งออก 1,368.55 ตัน มูลค่าประมาณ 109.32 ล้านบาท และเมล็ดพันธุ์มะระขี้นก ปริมาณส่งออก 50.56 ตัน มูลค่ากว่า 96.57 ล้านบาท นอกจากนี้ ไทยยังมีการส่งออกเมล็ดพันธุ์แตงร้าน ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี มะเขือยาว บวบ มะระจีน กะหล่ำดอก กระเจี๊ยบเขียว ผักชี ผักกาดกวางตุ้ง เป็นต้น โดยมีตลาดส่งออกทั้งในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน และตลาดนอกอาเซียน เช่น จีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน
อย่างไรก็ดีมีสินค้าอ่อนไหวชนิดหนึ่งที่น่าเป็นห่วง คือ กาแฟอาราบิก้า ซึ่งแหล่งปลูกส่วนใหญ่อยู่ในเขตภาคเหนือ คาดว่าภายหลังกรอบความตกลงเออีซีมีผลบังคับใช้ อาจมีกาแฟอาราบิก้าจากลาว และเวียดนาม ทะลักเข้ามาตีตลาดภายในประเทศเพิ่มขึ้น และส่งผลกระทบต่อราคากาแฟอาราบิก้าในประเทศ ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน ดังนั้นเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟอาราบิก้าจำเป็นต้องเร่งเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ทางการค้าในอนาคต
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ