data-ad-format="autorelaxed">
ยุทธศาสตร์เปลี่ยนนาข้าว เป็นไร่อ้อย
สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.)ได้เสนอยุทธศาสตร์อ้อยโรงงานและน้ำตาลทรายต่อ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการร่วมจัดทำยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรเป็นรายพืชเศรษฐกิจ 4 สินค้า ซึ่งมีพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. เป็นประธาน เมื่อเร็วๆนี้
นายสมศักดิ์ สุวัฒิกะ เลขาธิการสอน. กล่าวว่า พล.อ.ฉัตรชัย ได้มอบให้ สอน.เพิ่มเติมเนื้อหาเกี่ยวกับผลจากการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) ว่าจะส่งผลกระทบต่อแผนและอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของไทย หรือไม่ แค่ไหน ก่อนจะนำเสนอที่ประชุมครั้งต่อไป ก่อนที่จะประกาศ เป็นยุทธศาสตร์ของประเทศต่อไป
ลดนาข้าวเพิ่มพื้นที่ปลูกอ้อย 6 ล้านไร่
โดยยุทธศาสตร์อ้อยโรงงานและน้ำตาลทรายฉบับนี้ มีระยะเวลา 10 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2558-2567 โดยตั้งเป้าปี 2567 จะขยายพื้นที่ปลูกอ้อยทดแทนพื้นที่นาข้าวที่ไม่เหมาะสมประมาณ 6 ล้านไร่ จะเพิ่มพื้นเพาะปลูกอ้อยจากปัจจุบัน 10 ล้านไร่ เป็น 16.07 ล้านไร่ ผลผลิตทั้งประเทศจะเพิ่มจาก 103.68 ล้านตันต่อปี เป็นปีละ 182.04 ล้านตัน ส่วนผลผลิตน้ำตาลทรายคาดว่าจะเพิ่มจากปีละ 11.29 ล้านตัน เป็นปีละ 20.36 ล้านตัน กำลังการผลิตดังกล่าวจะมีกากน้ำตาลเพิ่มเป็น 8.55 ล้านตันจากปัจจุบัน 4.27 ล้านตัน สามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อการผลิตสุรา ผงชูรสและอื่นๆ ได้ประมาณ 1 ล้านตัน ส่วนที่เหลือใช้เป็นวัตถุดิบร่วมผลิตเอทานอลได้ 5.38 ล้านลิตรต่อวัน จากปัจจุบันที่ผลิตได้ 2.5 ล้านลิตรต่อวัน
“กำลังการผลิตน้ำตาลทรายปี 2567 จะเพิ่มเป็น 20.36 ล้านตัน จะครอบคลุมความต้องการการบริโภคน้ำตาลภายในประเทศ เป็นการบริโภคภายในประเทศ 3.56 ล้านตัน เพิ่มจากปัจจุบันที่มีอยู่ 2.5 ล้านตัน และใช้เพื่อการส่งออกอีก 16.8 ล้านตัน จากปัจจุบัน 8.8 ล้านตัน ดังนั้นอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายจะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศไม่น้อยกว่า 4.5 แสนล้านบาท เพิ่มจากปัจจุบันที่มีอยู่ 2 แสนล้านบาท” นายสมศักดิ์ กล่าว
วางยุทธศาสตร์พัฒนาอ้อย-น้ำตาล
สำหรับยุทธศาสตร์อ้อยโรงงานและน้ำตาลทรายประกอบด้วย ด้านการผลิต ในระยะเร่งด่วน ต้องทำแผนขยายพื้นที่ปลูกอ้อยร่วมกับโรงงานน้ำตาลทราย เพื่อถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยี ส่งเสริมการผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์จากชานอ้อย เร่งพัฒนาพันธุ์อ้อยกระจายพันธุ์ให้ทั่วถึง ส่วนในระยะสั้น ช่วง1-3 ปี เพิ่มผลผลิตในพื้นที่ที่มีความพร้อม 8 แสนไร่ โดยเพิ่มผลผลิตเป็น 12 ล้านตัน ส่งเสริมการพัฒนาระบบจัดการน้ำขนาดเล็กในไร่อ้อยในพื้นที่เป้าหมาย พัฒนาระบบการเก็บเกี่ยวและการขนส่ง
ส่วนในระยะกลาง ช่วง3-5 ปี ผลักดันให้มีการกำหนดนโยบายส่งเสริมการใช้เอทานอลของประเทศ จัดตั้งสถาบันวิจัยอ้อยและน้ำตาลทราย ส่งเสริมอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากอ้อยและน้ำตาลต่างๆ กำหนดแนวทางการสร้างความเข้มแข็งให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย การให้เงินเกี๊ยว หรือเงินบำรุงอ้อยในอัตราดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ปลูกอ้อยรายใหม่ การประกันภัยพิบัติความเสียหายพืชผลทางการเกษตร สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ส่วนแผนระยะยาว ช่วง5-10 ปี เพิ่มสัดส่วนการผลิตอ้อยให้ทันสมัยในระบบโมเดลฟาร์มเพิ่มขึ้น และเพิ่มผลผลิตอ้อยอีก 30 ล้านตัน
ด้านแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่ม เน้นการพัฒนาคุณภาพน้ำตาลทราย และสร้างผลิตภัณฑ์น้ำตาลทรายชนิดต่างๆ รวมทั้งกำหนดมาตรการส่งเสริมการผลิตในภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น พลาสติกชีวภาพ ผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งพัฒนาระบบโลจิสติกส์ การเก็บรักษาและขนส่งน้ำตาลทราย เช่น การพัฒนาขนส่งทางน้ำ ท่าเรือ และโกดัง ส่วนระยะกลางและระยะยาว จะต้องส่งเสริมให้เกิดการผลิตในภาคอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ และผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพ ขยายการผลิตเอทานอล
เร่งเจรจาผู้ซื้อลดภาษีนำเข้าน้ำตาล
ด้านการตลาด ในระยะเร่งด่วน จะเร่งเจรจาลดภาษีนำเข้า และเงื่อนไขทางการค้ากับญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เพื่อให้สิทธิพิเศษทางภาษีเช่นเดียวกับที่ทั้ง 2 ประเทศนี้ให้กับออสเตรเลีย เจรจากับประเทศต่างๆในอาเซียน เพื่อลดภาษีนำเข้าน้ำตาลทรายภายใต้ข้อตกลงเออีซีภายในเดือนม.ค.2559 ขยายตลาดน้ำตาลทรายและเอทานอลในอาเซียน และเอเชียตะวันออก ส่วนระยะกลาง และยาว จะเร่งเปิดตลาดน้ำตาลทรายและผลิตภัณฑ์จากน้ำตาลชนิดต่างๆไปสู่ตลาดใหม่ เช่น คาบสมุทรอินเดีย ตะวันออกกลาง
ด้านบริหารจัดการ ในระยะเร่งด่วนจะพิจารณามาตรการในการส่งเสริมการปลูกอ้อยในพื้นที่เป้าหมาย สนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพี่อการปลูกอ้อย ปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการอุตสาหกรรมเพื่อรองรับเออีซี ปรับปรุงกฎหมายการนำอ้อยไปผลิตเอทานอลได้โดยตรงและปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ส่วนระยะกลาง จะต้องบริหารจัดการส่งเสริมให้มีการผลิตและจำหน่ายพลาสติกชีวภาพและผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพ และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องอื่นๆ ส่วนระยะยาว จะส่งเสริมให้มีการส่งออกพลาสติกชีวภาพ ผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพ
อ้างอิง bangkokbiznews.com