data-ad-format="autorelaxed">
กองทุนฟื้นฟูฯ – สำนักงานอัยการสูงสุด สนองนโยบายรัฐเร่งให้ความช่วยเหลือเกษตรกร จับมือทำMOUรับเป็นที่ปรึกษาทางด้านกฏหมายให้กับเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ ทั้งในด้านการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท การร่างสัญญาต่างๆ ป้องกันการถูกเอารัดเอาเปรียบจากเจ้าหนี้ รวมถึงการช่วยจัดการปัญหาหนี้เร่งด่วนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และรักษาที่ดินทำกินให้เกษตรกร โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายปีติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา เป็นประธานการลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว
นายวัชระพันธุ์ จันทรขจร เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร กล่าวถึงโครงการความร่วมมือในการเผยแพร่ความรู้และช่วยเหลือด้านกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรและสำนักงานอัยการสูงสุดว่า “ปัญหาหนี้สินของเกษตรกรเป็นปัญหาสำคัญที่รัฐบาลได้ให้นโยบายเร่งช่วยเหลือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะในด้านกฎหมาย ซึ่งด้วยฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมของเกษตรกรยังขาดความรู้ความเข้าใจในข้อกฎหมายและอาจเป็นช่องว่างก่อให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบจากเจ้าหนี้ และการเสียประโยชน์ในด้านต่างๆ โดยเฉพาะที่ดินทำกิน จากข้อมูลที่เกษตรกรยื่นคำขอขึ้นทะเบียนหนี้มีจำนวน 501,880 ราย มูลหนี้ 79,420,010,086 บาท ได้ตรวจสอบข้อมูลทะเบียนหนี้พบว่าเกษตรกรเป็นหนี้เร่งด่วนตั้งแต่หนี้ผิดนัดชำระ บังคับคดี ขายทอดตลาด รวมทั้งฟ้องล้มละลาย จำนวนถึง 177,753 ราย มูลหนี้ 44,211,090,679.88 บาท ปัจจุบันสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ ได้ชำระหนี้แทนเกษตรกรไปจำนวน 27,461 ราย มูลหนี้ 5,764,616,283.49 บาท ซึ่งยังมีจำนวนเกษตรกรอีกมากต้องเร่งให้ความช่วยเหลือ
ดังนั้นเพื่อให้การส่งเสริมการพัฒนาเกษตรกรและการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากปัญหาหนี้สินเกษตรบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในส่วนเกษตรกรที่เป็นสมาชิกองค์กรเกษตรกรทางกองทุนฟื้นฟูฯ จึงได้ร่วมมือกับโดยสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) เพื่อร่วมกันให้ความช่วยเหลือทางด้านกฏหมายแก่เกษตรกรที่เป็นสมาชิกของกองทุนฯทั้งในเรื่องของการให้ความรู้ความเข้าใจในข้อกฏหมาย ระเบียบและการดำเนินงานของกองทุนฯ ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือในด้านคดี การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท การบริหารจัดการหนี้สิน และอรรถคดีต่าง ๆ
ซึ่งนอกจากการให้ความช่วยเหลือที่จะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรแล้วความร่วมมือดังกล่าวยังมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟูฯ รวมถึงส่งเสริมความรู้ความเข้าใจทางด้านกฎหมายให้กับ บุคลากรของกองทุนฟื้นฟูฯ อีกด้วย เพื่อจะสามารถลงไปปฏิบัติงานกับเกษตรกรสมาชิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ” เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ กล่าว
ด้านนายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด กล่าวว่า “นับเป็นโอกาสอันดีที่ทางสำนักอัยการสูงสุดโดย สคช. จะเข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วมในการช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ ซึ่งในปัจจุบันปัญหาเกี่ยวกับข้อกฏหมายเป็นปัญหาสำคัญของเกษตรกร เพราะส่วนใหญ่เกษตรกรยังขาดความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริง จนกลายเป็นช่องว่างให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบจากเจ้าหนี้กลายเป็นปัญหาเกี่ยวกับหนี้สินและสูญเสียที่ดินทำกิน สร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรอย่างมาก
โดยในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ใ นครั้งนี้ สำนักงานอัยการสูงสุดมีภารกิจคือจัดพนักงานอัยการเพื่อให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย อาทิ การให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายการจัดทำสัญญาต่างๆ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท รวมทั้งการช่วยเหลืออรรถคดีต่างๆแก่เกษตรกรที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ ที่อยู่ในขอบเขตอำนาจของทางสำนักอัยการสูงสุด” อัยการสูงสุดกล่าว
โครงการความร่วมมือในการเผยแพร่ความรู้และช่วยเหลือด้านกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ซึ่งเป็นพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ดังกล่าวได้จัดขึ้น เมื่อวันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2557 ณ ห้องประชุม 120 ปี สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ