ฟาร์มเกษตร
ครบเครื่อง เรื่องปุ๋ยยา
ช่องทางการสั่งซื้อสินค้าจากฟาร์มเกษตร
1. โทรสั่งซื้อที่ 089-459-9003
2. แอดไลน์ไอดี PrimPB แชทสั่งซื้อ
3. สั่งทางเฟสปริม เฟสบุ๊คปริมคลิกที่นี่
4. สั่งผ่านะระบบตระกร้าสินค้า FKX.asia
5. สั่งผ่านเว็บลาซาด้า LAZADA.co.th
ทุกช่องทาง ชำระเงินขณะรับสินค้าที่บ้านคุณ
หมวด: ออแกนิกส์ | อ่านแล้ว 70885 คน | สั่งพิมพ์หน้านี้ | L

ไฮโดรโพนิกส์ ( Hydroponics)

ในปี พ. ศ. 2473 ศาสตราจารย์ ดร. เกอริค (Gericke ) มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เป็นผู้เริ่มใช้คำว่า ไฮโดรโปนิกส์ ( Hydroponic

data-ad-format="autorelaxed">

ไฮโดรโพนิกส์ ( Hydroponics)
 
ประวัติการปลูกพืชไฮโดรโพนิกส์
ในปี พ. ศ. 2473 ศาสตราจารย์ ดร. เกอริค (Gericke ) มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เป็นผู้เริ่มใช้คำว่า ไฮโดรโปนิกส์ ( Hydroponic ) ซึ่งมาจากภาษากรีก 2 คำ คือ Hydro แปลว่า น้ำ และ Ponos ที่แปลว่า การทำงาน ซึ่งรวมความหมายว่า การทำงานที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ดร. เกอริค ได้เริ่มปลูกพืชชนิดต่าง ๆ ด้วยวิธีการปลูกในน้ำ พบว่าสามารถปลูกพืชที่กินราก เช่น บีท แรดิช แครอท มันฝรั่ง และธัญพืชอีกหลายชนิด รวมทั้งผลไม้ ไม้ดอกไม้ประดับ ผู้สื่อข่าวในอเมริกาได้ตีพิมพ์และพูดถึงงานวิจัยของ ดร. เกอริค ว่าเป็นการค้นพบแห่งศตวรรษ โดยในยุคที่ระบบไฮโดรโปนิกส์มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากเพื่อจะทำการ เป็นการค้า นักวิจัยจึงได้เริ่มต้นพัฒนาเทคนิคต่างๆ ในทางปฏิบัติให้เกิดการยอมรับมากขึ้น โดยไฮโดรโปนิกส์เป็นที่ยอมรับกันมากเนื่องจากสาเหตุ 2 ประการใหญ่ๆ คือ 1. การผลิตพืชได้ผลผลิตจำนวนมาก 2. สามารถผลิตพืชได้ในบริเวณที่แห้งแล้งที่สุดของโลกได้ และสามารถนำผลผลิตมารับประทานได้เช่นเดียวกับการปลูกในดิน เทคนิคของ ดร. เกอริค ได้รับการพิสูจน์ในระยะเวลาต่อมาว่าสามารถผลิตอาหารสำหรับเหล่าทหารในหมู่ เกาะแปซิฟิค ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  ระหว่างปี พ.ศ. 2483 – 2488 ภายหลังสงครามโลกเสร็จสิ้นแล้ว กองทัพอากาศสหรัฐต้องการแก้ปัญหาโดยส่งเสริมให้บุคลากรของตนมีผักและผลไม้สด ไว้รับประทาน จึงมีการพัฒนารูปแบบปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ให้เป็นระบบที่ใหญ่ขึ้นสำหรับปลูก ผักในพื้นที่เป็นหิน ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพมีความต้องการที่จะนำเทคนิคไฮโดรโปนิกส์มาใช้ในการปลูกผักในพื้นที่ ยึดครอง เช่น ที่เกาะโชฟุ ในประเทศญี่ปุ่น ภายหลังจากกองทัพอเมริกาได้เข้ายึดครองประเทศญี่ปุ่นในฐานะผู้ชนะสงครามได้ ทดลองปลูกพืชไฮโดรโปรนิกส์ในพื้นที่ 137 ไร่ ต่อจากนั้นระบบไฮโดรโปนิกส์ได้พัฒนาให้เป็นระบบที่เป็นการค้าไปทั่วโลก ในปี พ.ศ. 2493  ในหลายประเทศ เช่น อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ สวีเดนเป็นต้น และเป็นจุดกำเนิดสำหรับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในเอเชียในเวลา ต่อมา
.... สำหรับประเทศไทย การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน เริ่มมาจากการทดลองศึกษาของสถาบันการศึกษาต่างๆ มีผู้ริเริ่มปลูกเป็นการค้า ที่ตำบลนาดี อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อปี พ.ศ. 2526 โดยชาวไต้หวันเป็นผู้นำเทคโนโลยีนี้เข้ามาแนะนำ โดยเริ่มด้วยการปลูกผักที่มีราคาแพง ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช จัดเป็นผักอนามัยปลอดภัยจากสารพิษ

ปุ๋ยอินทรีย์น้ำธรรมชาติ ปลอดสารพิษ 100%
ช่วยเร่งการเจริญเติบโต ผักใบเขียวแข็ง มีภูมิคุ้มกันโรคและแมลง ธาตุสังกะสีสูง ข้อมูลบูสเตอร์เงิน คลิกที่นี่

ปุ๋ยตรานกอินทรีคู่
จากฟาร์มเกษตร ผลิตภัณฑ์ออแกนิกส์ ปลอดสารพิษ ส่งออกไปยังประเทศจีน ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ กาน่า ด้วยเทคโนโลยีการผลิต และความร่วมมือจากนักลงทุนประเทศ ออสเตเลีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย โดยคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และยังมี สสว. องค์กรของภาครัฐร่วมลงทุนอยู่ด้วยประมาณ 15% จึงมันใจได้ว่า ปุ๋ยตรานกอินทรีคู่ มีคุณภาพสูง และเป็นที่ยอมรับในองค์กรชั้นนำ
สนใจติดต่อ คุณปิยะมาศ 089-4599003
หรือ ดูรายการสินค้าและราคาคลิกที่นี่
  
การจำแนกระบบการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน
1. การปลูกพืชโดยให้รากพืชแช่อยู่ในสารละลายธาตุอาหารพืช ( Water Culture )
    1.1 เอ็นเอฟที ( Nutrient Film Technique; NFT ) คือ ระบบที่น้ำไหลเป็นแผ่นฟิล์มบาง ๆ ผ่านรากพืช
    1.2 ดีเอฟที ( Deep Floating Technique:DFT) คือ ระบบที่ปลูกพืชให้ลอยในระดับน้ำที่ลึกประมาณ 5-10 นิ้ว
    1.3 ดีอาร์เอฟ ( Dynamic Root Floating; DRF) คือ ระบบที่ปรับระยะห่างระหว่างรากกับสารละลายโดยให้มีรากส่วนบนลอยอยู่ในอากาศ ในขณะที่มีรากส่วนปลาย 4 ซ.ม. แช่ในสารละลาย
2. แอโรโพนิกส์( Aeroponic) คือ ระบบที่รากลอยอยู่ในอากาศในห้องที่รากอยู่ในความมืด และมีการพ่นสารละลายธาตุอาหารพืชเป็นระยะๆ เพื่อควบคุมความชื้น
3. วัสดุปลูก( Substrate Culture)
    3.1 วัสดุปลูกที่เป็นอินทรียสาร ( Organic Substrate)
    3.2 วัสดุปลูกที่เป็นอนินทรียสาร( Inorganic Substrate)
การ ปลูกในวัสดุปลูกจะมีระบบการให้น้ำอยู่ 2 แบบ คือ แบบสารละลายไม่หมุนเวียนย้อนกลับ (Non Circulation Substrate Culture) และแบบสารละลายหมุนเวียนย้อนกลับ (Circulation Substrate Culture)

         การปลูกพืชไร้ดิน( Soilless Culture)กับ ไฮโดรโปนิกส์ ( Hydroponics )
         การปลูกพืชไร้ดินมีความหมายกว้างกว่าไฮโดรโปนิกส์ การปลูกพืชไร้ดิน
♦ การปลูกพืชไร้ดิน
ก.      การปลูกพืชในสารละลาย
ข.      การปลูกพืชโดยใช้วัสดุปลูก
1.วัสดุปลูกที่เป็นสารเฉื่อย เช่น ทราย กรวด ร๊อควูลล์ เป็นต้น
2. วัสดุปลูกที่เป็นสารอินทรีย์ธรรมชาติ เช่น ปุ๋ยหมัก ขี้เลื่อย เป็นต้น
♦ ไฮโดรโปนิกส์
ก.      การปลูกพืชในสารละลาย
ข.      การปลูกพืชในวัสดุปลูก
1.      วัสดุปลูกที่เป็นสารเฉื่อย เช่น ทราย กรวด ร๊อควูลล์ เป็นต้น
ระบบ การปลูกไฮโดรโปนิกส์คือระบบการปลูกพืชที่พืชได้รับธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริมจากสารละลายที่มนุษย์เตรียมให้ 100%
ข้อดีของระบบไฮโดรโปนิกส์
1. ควบคุมการใช้ธาตุอาหารของพืชได้ง่ายกว่าการปลูกในดิน ซึ่งมักจะพบ
    1.1 ปัญหาความไม่สม่ำเสมอของธาตุอาหารในดินที่เกิดจากวัตถุต้นกำเนิดที่แตกต่างกัน
    1.2 ควบคุม pH ( ความเป็นกรด- ด่างของดิน) ได้ง่าย ซึ่ง pH นี้เองมีส่วนในการควบคุมรูปของธาตุอาหารพืชทั้งในดินและในสารละลายให้ อยู่ในรูปที่พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที อีกทั้งวิธีการไฮโดรโปนิกส์จะช่วยให้ธาตุอาหารพืชไม่สูญหายไปไหน ทั้งในการถูกชะล้างไปจากดินและการจับตัวกับธาตุบางชนิดในดินตกตะกอนไป หรือเปลี่ยนแปลงไปอยู่ในรูปที่พืชใช้ประโยชน์ไม่ได้
    1.3 ควบคุม ปริมาณและรูปของจุลธาตุ (Trace elements) ที่พืชต้องการจำนวน 7 ธาตุได้แก่ เหล็ก(Fe) ทองแดง(Cu)  สังกะสี(Zn) โบรอน(B) โมลิบดีนัม (Mo) แมงกานีส (Mn) และคลอรีน(Cl) ให้อยู่ในรูปที่รากพืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้และไม่ให้มีปริมาณมากเกินไป จนเกิดเป็นพิษต่อพืช
    1.4 นอกจากนี้ยังควบคุมผลตกค้างของการมีธาตุอาหารสะสม(Residual effect) ในพืช ในดิน และในสภาพแวดล้อมจนเกิดเป็นพิษในระบบนิเวศ
2. ลดค่าแรงงาน เนื่องจากในการปลูกระบบไฮโดรโปนิกส์ ไม่ต้องมีการเตรียมแปลงปลูกขนาดใหญ่ จึงไม่ต้องจ่ายค่าเตรียมดิน ค่ากำจัดวัชพืช งานดินต่างๆ ทั้งการใส่ปุ๋ยและการยกร่อง เป็นต้น
3. ความสม่ำเสมอของการให้น้ำ ระบบไฮโดรโปนิกส์เป็นระบบที่ควบคุมการให้น้ำตามความต้องการของพืช ดั้งนั้น ความสม่ำเสมอของการให้น้ำจึงเป็นหัวใจของระบบ
4. ระบบไฮโดรโปนิกส์จะประหยัดน้ำกว่าการให้น้ำกับพืชที่ปลูกทางดินไม่น้อยกว่า 10 เท่า ซึ่งจะมีผลทำให้การปลูกพืชในฤดูแล้งหรือนอกฤดูปกติในดิน สามารถทำได้โดยมีผลตอบแทนสูงกว่า
5. ควบคุมโรคในดินได้ง่ายกว่าการปลูกพืชในดิน
6.
ได้ผลผลิตที่มีความสม่ำเสมอและคุณภาพดีกว่าการปลูกในดินปกติ
7. สามารถปลูกได้ในสภาพที่ดินมีความไม่เหมาะสม เช่น ดินเป็นกรดหรือเป็นด่าง ดินเค็ม และมีสภาพการขาดแคลนน้ำ
8. พืชเจริญเติบโตได้เร็วและให้ผลผลิตเร็วกว่าการปลูกในดินอย่างน้อย 1- 2 สัปดาห์
9. ประหยัดค่าขนส่งเพราะสามารถเลือกผลิตใกล้แหล่งชุมชนหรือแหล่งรับซื้อ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ทำให้มีศักยภาพในเชิงการค้าสูง
 
 
ข้อเสียของระบบไฮโดรโปนิกส์
1.      มีต้นทุนการผลิตเริ่มต้นค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์ต่างๆ มากมายและมีราคาแพง แต่มีศักยภาพในการคืนทุนเร็ว
2.      ผู้ปลูกต้องมีความชำนาญและมีประสบการณ์มากพอในการควบคุมดูแล
3.      ต้องการการควบคุมดูแลอย่างสม่ำเสมอ
4.      ถ้าหากไม่มีความรู้ความสามารถในการจัดการที่ดีพออาจทำให้มีปริมาณธาตุอาหารในพืชสูง
5.      วัสดุปลูกบางชนิดเน่าเปื่อยหรือสลายตัวยาก อาจเป็นปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมหากไม่มีการจัดการที่ดีพอ
 
 
ประโยชน์ของการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน

1. การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินกับสภาพที่เป็นอยู่ การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินเป็นทั้ง ศาสตร์และศิลป์ใช้ปลูกพืชทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ได้ในทุกสถานที่ ไม่มีขอบเขตจำกัดไม่ว่าจะเป็นการปลูกจำนวนน้อยเพื่อบริโภคในครัวเรือนหรือ การผลิตเชิงธุรกิจ เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ปลูกที่มีพื้นที่น้อย เช่น ผู้ที่อาศัยในแฟลตหรืออพาร์ตเมนต์  จึงสามารถปลูกได้ในเมืองที่มีประชากรหนาแน่น เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน เนเธอร์แลนด์ เป็นต้น

2. การปลูกพืชไม่ใช้ดินกับการนันทนาการภายในครอบครัว การปลูกพืชแบบไม่ใช้ดินชุดเล็กสามารถสร้างนันทนาการหรือปลูกเพื่อบริโภค ภายในครอบครัว ให้ความเพลิดเพลินเจริญใจและได้เรียนรู้หลักการปลูกพืชเบื้องต้นพร้อมกัน

3. การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินกับการศึกษา สำหรับการศึกษา ทดลองของนักเรียน นิสิต นักศึกษาและผู้ที่สนใจทั่วไป

4. การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินกับสุขอนามัยและการบริโภคผักโภชนาการสูง ข้อดีที่เป็นจุดแข็งของการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินคือ ไม่เปื้อนดินและปลอดภัยจากสารพิษ ผลผลิตที่ได้มีความสะอาดกว่าการปลูกในดิน มีความสวยงามน่ารับประทานและมีรสชาติดี มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และปลอดภัยจากสารพิษตกค้าง โดยเฉพาะผักสดจะมีความนุ่มและกรอบกว่าผักที่ปลูกบนดินตามธรรมชาติ

5. การปลูกพืชไม่ใช้ดินกับการผลิตเชิงธุรกิจ การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินสามารถใช้ได้กับพืชหลากหลายชนิด ขึ้นอยู่กับความยากง่ายกับการปลูกพืชหลายชนิด ตั่งแต่ผัก ผลไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับ พืชไม้เลื้อยจนถึงพืชยืนต้น สำหรับการผลิตเชิงธุรกิจ ในภาพรวมส่วนมากนิยมปลูกพืชจำพวกผักและไม้ผลที่เป็นพืชที่เก็บเกี่ยวช่วง อายุสั้น

6. การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินกับการเพิ่มศักยภาพในการจักการผลิต การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน สามารถผลิตพืชได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี และสามารถเพิ่มรอบการผลิตได้มาก อายุสั้น และคุณภาพสูง กว่าการปลูกพืชบนดินเนื่องจากมีการจัดการที่สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมต่างๆ ให้เหมาะสมต่อพืชได้

7. การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินกับศักยภาพในการส่งเสริมการท่องเที่ยว เนื่องจากเทคโนโลยีการปลูกพืชไม่ใช้ดินสามารถควบคุมอุณหภูมิของสารอาหารและ มีการจัดการผลิตพืชผักเมืองหนาว จึงสามารถผลิตผักรับรองนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาอยู่ในประเทศไทยเป็น เวลานานได้บริโภคผักที่ตนเองคุ้นเคย

8. การปลูกพืชไม่ใช้ดินกับการลดการนำเข้าผักแลผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

9. การปลูกพืชไม่ใช้ดินกับงานภูมิทัศน์ สามารถผลิตพืชสวนประดับใช้ในงานภูมิทัศน์เพื่อดูแลพืชสวนประดับอาคารในเชิงธุรกิจ

10. การปลูกพืชไม่ใช้ดินกับโครงการอวกาศ การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินไม่เพียงก่อประโยชน์กับชีวิตและความเป็นอยู่ใน ปัจจุบันเท่านั้น แต่จะยังก่อให้เกิดประโยชน์กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตในอนาคตอย่างมาก

11. การปลูกพืชไม่ใช้ดินกับความหลากหลายของอาชีพ สามารถสร้างความหลากหลายในการประกอบอาชีพข้องผู้ด้อยโอกาสทางร่างกาย เช่น ทหารผ่านศึกที่ไดรับความพิการจากการสู้รบหรือผู้พิการโดยกำเนิดด้วย

 
 
การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินเป็นแบบธรรมชาติหรือไม่
เกษตร อินทรีย์ถือกันว่าเป็นธรรมชาติที่สุด จะใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่เป็นพืชหมักและ มูลสัตว์เป็นหลัก ส่วนการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินโดยเฉพาะการปลูกด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์จะใช้ปุ๋ยอ นินทรีย์ที่เป็นเกลือแร่ที่ค่อนข้างบริสุทธิ์เป็นหลัก ซึ่งถ้ามองอย่างผิวเผินจะคิดว่าการปลูกพืชทั้งสองวิธีนี้มีความแตกต่างกัน มาก และอาจมองว่าระบบไฮโดรโปนิกส์ไม่เป็นการปลูกแบบธรรมชาติ  แต่ถ้า มองให้ลึกซึ้งลงไปแล้วการปลูกทั้งสองวิธีเป็นการปลูกแบบธรรมชาติเหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อมองในแง่ของสรีรวิทยาพืชและปฏิกิริยาทางชีวเคมีที่ดำเนินในพืช แล้วจะหาความแตกต่างได้ยากมาก

เนื่องจากปุ๋ยอินทรีย์ทั้งหลายเริ่มแรกจะยังไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้  เพราะ จะต้องถูกทำให้ย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ในดินจนกลายเป็นสารอนินทรีย์ที่เป็น เกลือแร่แบบเดียวกันและแตกตัวเป็นไอออนแบบเดียวกัน โดยเฉพาะพืชที่ปลูกบนดินอาจมีขั้นตอนที่ดูดซับไอออนโดยอนุภาคของดิน แล้วก็ปล่อยไออนของธาตุอาหารให้รากพืชเหมือนกับสารละลายธาตุอาหารในการปลูก ด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์
 การ แลกเปลี่ยนไอออนระหว่างรากพืชกับสารละลายเพื่อนำเอาไอออนของธาตุอาหารเข้า สู่พืชเกิดขึ้นเหมือนกัน เมื่อพิจารณาทางสรีรวิทยาแล้วเนื่องจากสารละลายธาตุอาหารเป็นสารละลายที่เรา เตรียมขึ้นจากปุ๋ยอนินทรีย์ที่ค่อนข้างบริสุทธิ์ที่มีส่วนประกอบที่ คล้ายคลึงในดิน(ชนิดที่อุดมสมบูรณ์) และเป็นไปตามความต้องการของพืชมากกว่าที่ได้จากดิน
 ราก ขนอ่อนจะดูดธาตุอาหารและน้ำไม่ว่าจากดินหรือจากระบบไฮโดรโปนิกส์ ในลักษณะที่เหมือนกัน พืชจะคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศแล้วทำปฏิกิริยาทางชีวเคมีที่เรียกกันว่าเมตา บอลิซึม (Metabolism) อย่างเดียวกันเพื่อนำไปสร้างใบ ดอก ผลโดยมากกว่า 90 % ได้มาจากน้ำและคาร์บอนไดออกไซด์ ขณะที่ 2 – 3 % มาจากเกลือแร่ โดยพืชจะนำไปใช้ประโยชน์เหมือนกัน
 
สรุปว่าการปลูกพืชไม่ใช้ดินเป็นการปลูกแบบเป็นธรรมชาติเหมือนกันกับการปลูก บนดิน แต่เป็นการปลูกที่ใช้เทคโนโลยีที่มีการจัดการที่ดีกว่า จึงทำให้เกิดศักยภาพในการผลิตที่ดีกว่า
 
พืชที่ปลูกไม่ใช้ดินกินสารเคมีหรือไม่ และเป็นพิษหรือไม่
การ กินพืชผักที่ปลูกโดยไม่ใช้ดินเป็นการกินผักธรรมชาติที่มีคุณค่าอาหารสูง ไม่ใช่การกินสารเคมีที่เป็นพิษ ปกติเมื่อพูดถึงสารเคมี ผู้ฟังมักจะตกใจและมองว่าสารเคมีเป็นสิ่งที่เป็นพิษภัยไปทั้งหมดทั้งๆ ที่สารทุกชนิดในโลกนี้เป็นสารเคมีทั้งสิ้น ร่างกายของมนุษย์ สัตว์และพืชตลอดจนสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ต่างก็ประกอบด้วยสารเคมีที่มีปฏิกิริยาทางชีวเคมีดำเนินไปอยู่ตลอดเวลา สาร เคมีส่วนใหญ่ไม่เป็นพิษและบางชนิดก็เป็นสารที่ขาดไม่ได้ เช่น แร่ธาตุและวิตามินรวมทั้งสารอาหารต่างๆ

การรับประทานวิตามินรวมเกลือแร่นั้นเป็นการรับสารเคมีโดยตรงรวมทั้งวิตามิน ต่างๆ ที่เป็นสารสังเคราะห์ด้วย แต่การรับประทานผักที่ปลูกจากการปลูกโดยไม่ใช้ดินโดยเฉพาะการปลูกระบบไฮโดร โปนิกส์นั้นจะได้รับทั้งสารต่างๆ ที่พืชสังเคราะห์ขึ้นที่มีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ใส่ลงไปรวมกันอยู่ และบางส่วนของแร่ธาตุหลายชนิดเปลี่ยนแปลงไปเป็นสารประกอบอินทรีย์ดังที่ กล่าวมาแล้ว ซึ่งแร่ธาตุเหล่านี้จะเหมือนกับแร่ธาตุในดิน แต่จะดีกว่าตรงที่ในสารละลายเราสามารถใส่แร่ธาตุชนิดต่างๆ ตามความต้องการของพืชได้อย่างเหมาะสม
 
พืชที่ปลูกโดยไม่ใช้ดินมีสารอาหารครบถ้วนหรือไม่ สมารถผลิตแข่งขันกับพืชที่ปลูกบนดินได้หรือไม่
จาก การที่มีแร่ธาตุครบถ้วนตามความต้องการของพืช รวมทั้งมีการปรับสภาพให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชทำให้พืชผักที่ปลูก โดยไม่ใช้ดิน โดยเฉพาะระบบไฮโดรโปนิกส์ดีกว่าปลูกบนดินทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ซึ่งมี ผลการวิจัยรับรองว่าพืชจะมีปริมาณแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์เท่ากับพืชที่ปลูก บนดินหรือสูงกว่าเล็กน้อย แต่จะมีกลิ่นที่มาจากน้ำมันหอมระเหยและมีรสชาติชวนชิมกว่าพืชที่ปลูกบนดิน
หลาย ประเทศรวมทั้งประเทศไทยจะจำหน่ายผักไฮโดรโปนิกส์ในรูปผักคุณภาพสูง ( Premium grade)   คือมีราคาสูงกว่าผักปลูกบนดิน ประเทศต่างๆ ทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมิกาที่มีมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารสูงต่างก็ผลิต และยอมรับว่าพืชผักที่ปลูกโดยไม่ใช้ดินมีคุณภาพสูงและสามารถส่งออกได้ง่าย กว่าการปลูกบนดิน
 
 พืชที่ปลูกโดยไม่ใช้ดินมีไนเตรตตกค้างหรือไม่ และมีทางที่จะลดปริมาณไนเตรตไดหรือไม่
บาง คนอาจมีความกังวลในเรื่องนี้ด้วยเหตุว่า การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินใช้ปุ๋ยไนโตรเจนในรูปของไนเตรตเป็นหลัก ก่อนอื่นควร ทราบไว้ด้วยว่าการปลูกพืชในดินก็สามารถมีไนเตรตสูงได้ ถึงแม้ว่าจะจะใช้ปุ๋ย ไนโตรเจนจากมูลสัตว์หรือแอมโมเนียมก็ตาม ปุ๋ยไนโตรเจนในรูปต่างๆ เมื่ออยู่ในดินจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นไนเตรตโดยกระบวนการไนตริฟิเคชั่น ในต่างประเทศให้ความสนใจเกี่ยวกับการเกิดไนเตรตในน้ำในดินมากจากปุ๋ยมูล สัตว์ เพราะเกรงว่าน้ำใต้ดินจะมีไนเตรตสูง ดังนั้นเราจึงควรหาทางลดไนเตรตทั้งผักที่ปลูกในดินและปลูกโดยไม่ใช้ดิน
เมื่อ พืชได้รับไนเตรตพืชไม่ได้สะสม แต่จะนำไปใช้ประโยชน์โดยการเปลี่ยนแปลงในพืชให้เป็นไนเตรตและไปเป็น แอมโมเนียม และในที่สุดจะไปเป็นกรดอะมิโนที่ใช้สังเคราะห์โปรตีนต่อไป การเปลี่ยนแปลงไนเตรตในขั้นแรกใช้เอนไซม์ไนเตรตรีดัคเทสที่มีโมลิบดีนัมเป็น ส่วนประกอบ เราจึงต้องระวังไม่ให้พืชขาดธาตุนี้ การเปลี่ยนแปลงไนเตรตใช้พลังงานแสง ในประเทศไทยที่มีแสงเข้มและวันยาว การ เปลี่ยนแปลงไนเตรตจึงไม่มีปัญหา ปริมาณไนเตรตจากการวิเคราะห์ก็อยู่ในเกณฑ์ ปลอดภัยไม่สูงเหมือนผลิตภัณฑ์สัตว์ที่ใช้ไนเตรตในการควบคุมการเจริญของ จุลินทรีย์บางชนิดและทำให้สีสวย อย่างไรก็ตามอาจจัดการเพื่อไม่ให้ไนเตรตสูง หรือลดไนเตรตได้ ตามแนวทางต่อไปนี้
•  ใช้ความเข้มข้นของสารละลายธาตุอาหารที่ปลูกเลี้ยงในระดับต่ำ (EC ต่ำ)
•  อย่าให้พืชขาดโมลิบดีนัม
•  ให้พืชได้รับแสงเพียงพอ
•  ถ้าต้องการอาจใช้สารละลายธาตุอาหารที่มีความเข้มข้นต่ำมาก หรือน้ำเปล่าก่อนการเก็บเกี่ยว 1 – 2 วัน
 
จะเห็นว่าได้ว่า การจัดการลดไนเตรตในพืชที่ปลูกโดยไม่ใช้ดินทำได้ง่ายกว่าพืชที่ปลูกบนดิน



การเปรียบเทียบการปลูกพืชในดินและการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน

ข้อได้เปรียบของระบบไฮโดรโพนิคส
             1.
ควบคุมการใช้ธาตุอาหารของพืชได้ง่ายกว่าการปลูกในดิน ซึ่งมักจะพบ
                          1.1) ปัญหาความไม่สม่ำเสมอของธาตุอาหารในดินที่เกิดจากวัตถุต้นกำเนิดที่แตกต่างกัน
                          1.2) ควบคุม pH (ความเป็นกรด-ด่างของดิน) ได้ง่าย ซึ่ง pH นี้เองมีส่วนในการควบคุมรูปของธาตุอาหารพืชทั้งในดินและในสารละลายให้อยู่ใน รูปที่พืชจะนำไปใช้ได้ทันที อีกทั้งวิธีไฮโดรโพนิคส์จะช่วยให้ธาตุอาหารพืชไม่สูญหายไปไหน ทั้งในรูปการถูกชะล้างไปจากดินและการจับตัวกับธาตุบางชนิดในดินตกตะกอนไป หรือเปลี่ยนแปลงไปอยู่ในรูปที่พืชใช้ประโยชน์ไม่ได้
                          1.3) ควบคุมปริมาณและรูปของจุลธาตุ (Trace elements) ที่พืชต้องการจำนวน 7 ธาตุได้แก่ เหล็ก (Fe), ทองแดง (Cu), สังกะสี (Zn), โบรอน (B), โมลิบดีนัม (Mo), แมงกานีส (Mn) และคลอรีน (Cl) ให้อยู่ในรูป (Form) ที่รากพืชดูดนำไปใช้ได้และไม่ให้มีปริมาณมากเกินไป จนเกิดเป็นพิษต่อพืช
                          1.4) นอกจากนี้ยังควบคุมผลตกค้างของการมีธาตุอาหารสะสม (Residual effect) ในพืช, ในดิน และในสภาพแวดล้อมจนเกิดเป็นพิษในระบบนิเวศ
             2. ลดค่าแรงงาน เนื่องจากในระบบการปลูกไฮโดรโพนิคส์ ไม่ต้องมีการเตรียมแปลงปลูกขนาดใหญ่จึงไม่ต้องจ่ายค่ารถไถเตรียมดิน ค่ากำจัดวัชพืช งานดินต่าง ๆ ทั้งการใส่ปุ๋ยและยกร่องเป็นต้น
             3. ความสม่ำเสมอของการให้น้ำ ระบบไฮโดรโพนิคส์เป็นระบบที่ควบคุมการให้น้ำตามความต้องการของพืช ดังนั้น ความสม่ำเสมอของการให้น้ำจึงเป็นหัวใจของระบบ
             4. ระบบไฮโดรโพนิคส์จะประหยัดน้ำกว่าการให้น้ำกับพืชที่ปลูกทางดินไม่น้อยกว่า 10 เท่า ซึ่งจะมีผลทำให้การปลูกพืชในฤดูแล้งหรือนอกฤดูปลูกปกติในดิน สามารถทำได้โดยมีผลตอบแทนสูงกว่า
             5. ควบคุมโรคในดินได้ง่ายกว่าการปลูกพืชในดินปกติ
             6. ได้ผลผลิตที่มีความสม่ำเสมอและคุณภาพดีกว่าการปลูกในดินปกติ
             7. สามารถปลูกพืชได้ในสภาพที่ดินบริเวณข้างเดียวไม่เหมาะสมเช่น ดินเป็นกรด, เป็นด่าง หรือดินเค็ม และมีสภาพขาดแคลนน้ำ

                                                    ข้อด้อยของระบบไฮโดรโพนิคส์

 ...... ข้อด้อยของระบบไฮโดรโพนิคส์ที่มักจะถูกกล่าวถึงเสมอก็คือ การที่ต้องลงทุนสูงทั้งโรงเรือนและระบบ เมื่อเทียบกับการปลูกพืชในดินตามปกติ และต้องมีความรู้ด้านการจัดการและเทคโนโลยีที่สูงกว่าการปลูกพืชในดินปกติ โดยเฉพาะข้อมูลพื้นฐานในเรื่องสรีรวิทยาของพืช และพื้นฐานทางเคมีและธาตุอาหารพืช นอกจากนี้ในบริเวณที่จะติดตั้งระบบไฮโดรโพนิคส์จะต้องมีระบบน้ำและระบบไฟฟ้า ที่พร้อม เนื่องจากเป็นพื้นฐานสำหรับการติดตั้งระบบการปลูกพืชด้วยวิธีนี้ และข้อจำกัดของชนิดพืชปลูกมีค่อนข้างสูง การเลือกชนิดพืชที่จะปลูกในเชิงพาณิชย์ต้องมีการศึกษาตลาดอย่างถี่ถ้วน ควรเป็นพืชที่แตกต่างจากพืชที่ปลูกทั่วไปในดินปกติ......

อ่านเรื่องนี้แล้ว : 70885 คน £




ความคิดเห็นจากผู้อ่าน:

คุณDentz วธัญญู
[email protected]
เครื่องวัดค่าคุณภาพน้ำ pH meter, EC meter, TDS meter แบบ Pocket, Portable จากประเทศสิงคโปร์ สำหรับตรวจวัดคุณภาพน้ำและปุ๋ยในการปลูกพืชไฮโดรโปนิกส์ 
http://www.transinstruments.com 

สนใจสอบถามข้อมูล
086 332 3632
[email protected]

02 ม.ค. 2557 , 12:21 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

อุดร แสวงสุข
[email protected]
สนใจเรื่องเกี่ยวกับการปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ (ซื้อ+ขายผัก)คลิกhttp://www.bkk.in.th/Topic.aspx?TopicID=23016
01 ธ.ค. 2554 , 07:16 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

ณัฐธิดา
[email protected]


ขอบคุณมากนะค่ะ



ต้องทำไงค่ะ



มันคัดลอกไม่ได้ง่ะค่ะ



12 ส.ค. 2554 , 07:55 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

ธัญสุดา กลิ่มาลี
[email protected]
รักคนจริงใจ
16 พ.ค. 2554 , 09:53 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

เจี๊ยบ
[email protected]
http://www.saladhydroponics.com เพื่อนๆ ชอบต้นไหน บอกได้เลย.........จัดให้
07 เม.ย. 2554 , 03:26 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

กาญจนา
[email protected]
หากทราบว่าสารละลายหรือสารอาหารในการปลูกพืชไฮโดรโพนิกร์สามารถซื้อได้ที่ไหนค่ะ
24 พ.ย. 2553 , 06:06 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

osk30987
[email protected]
ขาย LDPE พลาสติกปลูกผักไฮโดรโพนิกส์ ผักไฮโดร พลาสติกทำโรงเรือน พลาสติก PE ขาวขุ่นสำหรับ hydroponic พลาสติกรองก้นบ่อ, พลาสติกกันชื้น, ผ้ายางปูบ่อน้ำ,พลาสติกปูบ่อเลี้ยงปลา, พลาสติกทำน้ำตก, พลาสติกสีดำทำบ่อน้ำ, แผ่นพลาสติกจัดงาน Eventต่างๆ, พลาสติกกันชื้น, พลาสติกกันน้ำเพื่อการเกษตร, สแลน ตาข่ายกรองแสง, พลาสติกล้อมเล้าไก่ ผ้ากระสอบ พลาสติกทำโรงเรือน โรงเห็ด
พลาสติก PVC ใส ตอนกิ่ง, ผ้าฟาง บลูชีท ทั้งแบบหน้าเดียวและซุปเปอร์
ปลีกส่ง ด่วน จำหน่ายผ้ากระสอบ หรือผ้าฟางอย่างดี ในราคาถูก ผ้ากระสอบพลาสติก ผ้าพลาสติก สำหรับใช้ทำโรงเรือน โรงเห็ด ในก่อสร้าง 02-2227624, 0816550604, www.scv-plastic.com

11 ต.ค. 2553 , 03:14 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

5555
[email protected]
thank มากๆ
09 มิ.ย. 2553 , 03:19 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

ชัยวัฒน์
[email protected]
อยากทราบ spec , คุณภาพน้ำที่จะใช้ในการปลูกผัก
13 ต.ค. 2552 , 01:22 AM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

สุกรี
[email protected]
สารละลายอาหารAและBมีขายที่ใดบ้างในหาดใหญ่เพราะหาซื้อลำบากมากที่สตูลไม่มีขาย บ้านอยู่สตูลกรุณาช่วยเหลือด้วยเพราะสนใจการปลูกผักแบบhydrponics,มากขอขอบคุณครับ
03 ก.ย. 2552 , 09:52 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

dao
[email protected]
อยากทราบว่าการควบคุมปริมาณธาตุอาหารของระบบปลูกแบบhydroponicsนี้เป็นอย่างไรคะเช่น N P K อยางเงี้ยควบคุมที่เท่าไรหรือว่าไม่ต้องควบคุมรบกวนช่วยชี้แจงให้หน่อยนะคะขอบคุณมากค่ะ
11 ก.ค. 2552 , 09:19 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

ส่งความคิดเห็น



เลือกหมวด :

แสดงเนื้อหารวมจากทุกหมวด, สินค้าเกษตร, ไอเดียและเทคโนโลยีเกษตร, รวม VDO เด่นจาก FK, นาข้าว, เศรษฐกิจเกษตร, ภาพถ่ายเกษตร, ไร่อ้อย, มันสำปะหลัง, ยางพารา, ปาล์มน้ำมัน, ไร่ข้าวโพด, ผักและการปลูกผัก, การปลูกพืช, ไม้ผล ไม้ยืนต้น, เกษตรน่ารู้, สมุนไพร, ไม้มงคล, พุทธศึกษา, FK Talk, สุขภาพ, การใช้ SUN กับพืชต่างๆ, แอพฯด้านเกษตร, ไม้ดอก ไม้ประดับ, องค์กรด้านเกษตร, ซื้อขายที่ดิน, ห้องปศุสัตว์, ประมง, เกษตรกรตัวอย่าง, ฟาร์มเกษตรพาเที่ยว, FK Freestyle, Agri live update, ออแกนิกส์, จักรกล, อุปกรณ์การเกษตร, ไร่กาแฟ,


แสดงทั้งหมดใน [ออแกนิกส์]:
ปัญหาและข้อจำกัดการทำเกษตรอินทรีย์

อ่านแล้ว: 7651
เด็กเก่ง ปลูกเมล่อนอินทรีย์ บนพื้นที่ 72 ตารางเมตร ผลผลิตงาม ขายได้ราคาดี
เด็กนักเรียนโรงเรียนเราเกือบทั้งหมด จะอ่อนในเชิงวิชาการ เราจึงมองหาจุดแข็งเสริมให้กับนักเรียน ซึ่งเห็นว่าการส่งเสริม..
อ่านแล้ว: 7822
3 ปีเปลี่ยนผ่าน เกษตรอินทรีย์ บังคับตีตราติดโลโกยกระดับสินค้า
เกษตรอินทรีย์ ปัจจุบันผู้บริโภคมีความสนใจในเรื่องของคุณภาพสินค้าเกษตรอินทรีย์มากขึ้น มีคำถามมากมายที่แสดงถึงความไม่..
อ่านแล้ว: 7513
การเพาะทานตะวันงอก ปลูกกินเองดีกว่า ทำง่ายมากๆ
การเพาะทานตะวันงอก มาลองอ่านเรื่องการเพาะทานตะวันงอก ของหมูน้อย เล่าวิธีการได้ละเอียดและน่ารักมาก ทำตามได้ง่ายๆเลย..
อ่านแล้ว: 7914
เด็ก ป.6 ปลูกผักออร์แกนิกขาย โลละ 100 ขายได้กว่าวันละ 20 โล
น้องหยก นร.ชั้น ม.6 วัย 17 ปลูกผักอินทรีย์สร้างรายได้ช่วยเหลือครอบครัว ทั้งยังได้รับรางวัลมาตรฐานจาก ออร์แกนิกไทยแลนด์..
อ่านแล้ว: 8057
กำจัดแมลงด้วยสารอัลคาลอยด์
กำจัดแมลงด้วยสารอัลคาลอยด์ ปลอดสารพิษ ปลอดภัยต่อผู้ปลูก และผู้บริโภค ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม
อ่านแล้ว: 9563
ปุ๋ยอินทรีย์ : เพิ่มผลผลิตพืชได้จริง วันนี้มาทำความเข้าใจการทำงานของมัน
ปุ๋ยอินทรีย์ - อินทรียวัตถุจะแทรกอยู่ระหว่างเม็ดดิน ทำให้ดินเหนียวไม่จับกับแน่น ทำให้ดินทราย เกาะกันได้มากขึ้น
อ่านแล้ว: 9228
หมวด ออแกนิกส์ ทั้งหมด >>