data-ad-format="autorelaxed">
มักกะรีผล
มักกะรีผล (เพศผู้)และนารีผล (เพศเมีย) มีเรื่องเล่าในพระไตรปิฏกว่า เมื่อประมาณหลายหมื่นปีก่อน ครั้งที่พระเวสสันดร พระนางมัทรี พร้อมด้วยบุตร ๒ คนคือ ชาลีกุมาร และ กัณหาชิณากุมารี ถูกเนรเทศจากนคร ได้เดินทางสู่ป่าหิมพานต์ และบำเพ็ญเพียร ปฏิบัติธรรมอยู่ที่นั้น ที่ป่าหิมพานต์ มีสัตว์ป่ามากมายอันตรายรอบด้าน ทว่า สัตว์ป่าทั้งหลาย เมื่อได้รับเมตตาจิตจากพระเวสสันดร ก็คลายความดุร้ายลง กลายเป็นมิตร ... นอกจากสัตว์ป่าทั้งหลายแล้ว ก็ยังมีดาบส ฤๅษี นักสิทธิ์ วิทยาธร คนธรรพ์ ทั้งหลายอาศัยอยู่ หรือไปมา อยู่เรื่อยๆ พระนางมัทรี ผู้มีรูปร่างโสภา บางครั้งออกหาอาหาร หาผลไม้ตามลำพังคนเดียว
หากนักสิทธิ์ วิทยาธร ตลอดถึงฤๅษี มาพบเข้า อาจตบะแตก แล้วล่วงศีลได้... ท้าวสักกะเทวราช ซึ่งเป็นพระอินทร์ เล็งเห็นเหตุร้ายนี้แล้ว เพื่อเป็นการป้องกัน พระองค์จึงเนรมิต ต้นไม้วิเศษ ไว้รอบทิศ ณ ที่ไกล ก่อนถึงถิ่นแดน อันเป็นที่พำนักของพระเวสสันดรและนางมัทรี รวม ๑๖ ต้น ต้นไม้วิเศษนี้ ออกผลซึ่งมีรูปร่างเหมือนสตรี ผลโตเต็มที่ จะมีทรวดทรงปานสาวงามแรกรุ่น แต่ผิวพรรณ ทรวดทรงองค์เอว รูปร่างหน้าตา งดงามปานเทพธิดา... ว่ากันว่า จริงๆ แล้ว ผลหนึ่งผล ก็คือรุกขเทพธิดาหนึ่งนาง หรือ เมื่อต้นนารีผลออกดอก เสมือนเกิดวิมานแห่งรุกขเทพธิดาขึ้นที่นั่น เมื่อติดลูก ก็คือเทพธิดาจุติลงมาเกิดที่นั่น ความสวยงามสมบูรณ์แห่งผลนารีผล แต่ละผล จึงสวยงามต่างกัน ขึ้นอยู่กับบุญของเทพธิดาแต่ละนางด้วย... เมื่อเหล่านักสิทธิ์ วิทยาธร เดินทางมาพบเข้า หากจิตใจไม่เข้มแข็งพอ ตบะแตก ก็จักได้เสพบำเรอกับนารีผล... เมื่อตบะแตก ฤทธิ์เสื่อม เหาะไปต่อไม่ได้ ... เมื่อไปต่อไม่ได้ ก็ไม่มีทางจะได้พบกับพระนางมัทรี.... การจะเดินทางต่อ หรือออกไป จำต้องบำเพ็ญเพียรใหม่ ยกระดับจิตขึ้นแล้ว จึงกลับออกมาได้....นี่คือด่านป้องกัน ไม่ให้ใครไปล่วงศีลกับพระนางมัทรี และเทพธิดาที่จุติไปเกิดที่นารีผล แต่ละนางก็ไปด้วยกรรมของตน มิได้บังคับไปแต่อย่างใด แม้ว่า พระเวสสันดร พระนางมัทรี จะเสด็จออกจากป่าเข้าเมืองไปแล้ว ต้นนารีผล ก็ยังคงมีอยู่ในที่นั้น ตราบเท่าทุกวันนี้ ยังมีดอกหอมกรุ่น มีนารีผลห้อยระย้าอยู่ดังเดิม แม้ลูกที่หมดอายุขัยจะร่วงหล่นเหี่ยวเฉาไป ลูกใหม่ก็ขึ้นมาแทนที่ไม่ได้ขาด ว่ากันว่า บางครั้ง ฤๅษีที่บำเพ็ญเพียรจนตบะกล้า กิเลสสงบรำงับ เพื่อจะทดสอบจิตตน ก็จะเหาะไปที่ต้นนารีผล มองดูนารีผล ว่าตนจะตบะแตกหรือไม่... หรือบางครั้งฤๅษีผู้เป็นอาจารย์ อาจจะพาลูกศิษย์ไปทดสอบระดับจิต ไปฝึกควบคุมจิต ที่นั่น ก็มีและว่ากันว่า พวกนักสิทธิ์วิทยาธร มักจะเหาะไปเก็บนารีผล อุ้มมาเชยชมแล้ว ฝึกจิตใหม่ ค่อยเหาะกลับออกมา นารีผล เป็นที่ต้องการของสัตว์วิเศษ (คนธรรพ์เป็นต้น) รวมถึงวิทยาธรทั้งหลายผู้ยังไม่หมดกามราคะ ดังนั้น การที่นารีผลจะเหี่ยวแห้งคาต้นแล้วร่วงหล่นนั้น เป็นไปได้ยาก ก่อนจะโรยรา จะมีเทวดา สัตว์วิเศษ และวิทยาธร เป็นต้น มาเก็บเอาไป
หลวงพ่อจรัญก็ได้พบกับนารีผลมาแล้วเช่นเดียวกันและสามารถยืนยันได้ว่ามีจริง ท่านบังเอิญมีวาสนาได้พบในถ้ำแห่งหนึ่งในประเทศศรีลังกา มีขนาดส่วนเท่ากับหญิงสาวอายุ 16 ปี ใบหน้ารูปไข่ มีเส้นผมยาวสยายเป็นสีทองเหมือนผู้หญิงฝรั่ง ตรงกลางกระหม่อมมีลักษณะเหมือนขั้วผลไม้เทียบได้กับมังคุด นัยน์ตาใหญ่ได้รูป ส่วนที่เป็นนัยน์ตาดำมีประกายระยิบระยับคล้ายเจือเกร็ดทอง นัยน์ตาขาวเป็นสีฟ้าใส จมูกโด่งรับกับปาก ช่วงลำคอ เป็นปล้อง 3 ปล้อง ไม่มีไหปลาร้า ดูอิ่มเต็มเนียนไปหมด ผิวพรรณหรือผิวหนังตึงเต่งเหมือนผิวมะปรางสุก นิ้วมือเรียวลงไปเหมือนนิ้วมนุษย์ แต่ปลายนิ้วทั้ง 4 ยาวเสมอกัน เว้นหัวแม่มือ หลังมือก็อิ่มเต็มเกลี้ยงเกลา ข้อมือข้อเท้ากลมกลึงไม่มีปุ่มกระดูกเหมือนคนทั่วไป มีกลิ่นหอมอบอวลออกมาจากผล มักกะลีผล เป็นต้นไม้ที่ออกดอกมาเป็นพวง พวงหนึ่งมี 5 ผล รูปร่างเป็นผู้หญิงสาวทั้งนั้น พอ 7 วันจะหมดอายุร่วงหล่นพร้อมๆกัน
หลวงปู่เณรคำ ปัญญาพโล จ.นครพนม ก็เคยเห็นมักกะนารีผลที่ป่าหิมพานต์ บนภูวัว จ.หนองคาย ในขณะที่เดินธุดงค์ โดยมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ขนาดพอ ๆ กับเด็กน้อย มีขั้วผลที่ศีรษะห้อยอยู่ส่วนต่าง ๆ ตามกิ่งก้านของต้น ตัวที่เป็นสตรีจะมีหน้าอกเห็นชัดเจนแต่ไม่ปรากฎอวัยวะเพศ ส่วนตัวผู้จะไม่มีหน้าอกให้เห็น
เมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมา ผมได้พบกับแม่ค้าชาวลาว เป็นแม้วอยู่ติดกับไทยแถวจังหวัดหนองคาย เค้ามีมักกะรีผลและนารีผลมาเสนอขายให้ผมอย่างละตัว ผมเห็นว่าแปลกดีก็เลยซื้อมาในราคา 200 บาท กลับมาถึงบ้านอ่านเจอในเว็บเค้าบอกว่าเลขเสี่ยงโชค 18 ตอนเย็นหวยลาวก็ออก 81 จริง ๆ แต่ผมไม่ได้ซื้อเลยอดรับทรัพย์ แต่นั่นก็เป็นนิมิตหมายที่ดีที่ผมเชื่อว่าน่าจะมีอะไรบางอย่างที่อาจจะทำให้ผมมีโชคลาภตามความเชื่อ
เมื่อพิจารณาดูดีดีแล้วพบว่าผลไม้ดังกล่าวมีรูปร่างเหมือนคนไม่มีผิด แขนยาวแนบกับลำตัว ขาเหยียดตรง ส่วนหัวตรงหน้าผากมีลักษณะเป็นแฉกคล้ายขั้วมังคุด ผิวหนังเหี่ยวแห้งและแข็ง เพศผู้มีอวัยวะเพศนูนออกมาไม่มีเต้านมสูงกว่าปากกา lANCER แท่งละ 5 บาท 1 นิ้ว มีกลิ่นเหมือนเปลือกไม้แต่ไม่หอม (ภาพที่ 1 และ 2 จากทางซ้ายมือ) ส่วนเพศเมียมีเต้านมตั้งชันและมองเห็นอวัยวะเพศชัดเจนสูงเท่ากันกับปากกา lANCER แท่งละ 5 บาท พอดีมีกลิ่นเปลือกไม้และหอมเป็นธรรมชาติ บางครั้งหอมเหมือนแป้งฝุ่น (ภาพที่ 3 และ 4 จากทางซ้ายมือ) แต่ก็ไม่ตรงกับที่หลวงปู่เณร คำ ปัญญาพโล กล่าวไว้คือ ตอนที่เห็นอยู่บนต้น ไม่ปรากฎอวัยวะเพศให้เห็น ซึ่งนั่นก็แสดงให้เห็นถึงความแปลกและพิศดาร
บางคนก็บอกว่าเคยเห็นวางขายคู่ละ 300 บาท ที่ตลาดดาวเรือง เมืองปากเซ ประเทศลาว บางคนก็บอกว่ามีวางขายกันเกลื่อนในตลาดขายสินค้าพื้นเมืองด่านวังเตาของประเทศ ลาว ฝั่งตรงข้ามกับช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี บางคนก็บอกว่าจากการสอบถามผู้ที่ขายมักกะลีผลเปิดเผยว่ามักกะลีผลที่เห็นวางขายกันอยู่ในขณะนี้ จริงๆแล้วไม่ใช่มักกะลีผลในตำนานวรรณคดี แต่เป็นหัวมันชนิดหนึ่งชื่อ “กลิ้งกลางดง” นำมาแกะสลักเป็นรูปผู้หญิงและผู้ชายเปลือยกายเลียนแบบคำบอกเล่าในตำนาน วรรณคดี แล้วนำไปตากแดด 2 - 3 แดดให้เหี่ยวแห้งจะได้เหมือนจริง
ในความรู้สึกส่วนตัวหากเป็นหัวมันแกะสลักจริงและผมเป็นคนขายผมก็คงไม่ยอมบอกความลับนี้ให้คนที่เป็นลูกค้ารู้หรอก ก็ว่ากันไปตามแต่ความเชื่อส่วนบุคคล ส่วนตัวผมเองก็เชื่อว่ามีจริงเพราะมีในพระไตรปิฏกและพระอริยะระดับหลวงพ่อจรัญก็ยืนยัน แต่ที่ไม่ค่อยแน่ใจก็ตรงที่ผมได้ครอบครองนี้ของจริงหรือของปลอมกันแน่ แล้วคุณหล่ะมีความคิดเห็นเป็นเช่นไร และผู้รู้จะว่าอย่างไรช่วยวิพากวิจารณ์หน่อยก็แล้วกันนะครับ
ข้อมูลจาก : oknation.net/blog/print.php?id=702900