data-ad-format="autorelaxed">
ข้อมูลจาก: http://suphanburi.doae.go.th/tongmoae.htm
1. ประวัติส่วนตัว
ชื่อ – สกุล นายทองเหมาะ แจ่มแจ้ง เกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2587 อายุ 62 ปี สมรสกับนางทวี แจ่มแจ้ง มีบุตร 3 คน ประกอบด้วย
1. นายคมน์ แจ่มแจ้ง จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาโท
2. นายมงคล แจ่มแจ้ง จบการศึกษาระดับปริญญาโท ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา
3. นายมนตรี แจ่มแจ้ง จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียน กรุงเทพฯ
2. รายละเอียดกิจกรรม
2.1 ปลูกข้าวอินทรีย์ ในพื้นที่ 30 ไร่
2.2 ค้นพบจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสูง
2.3 ผลิตสารป้องกันขับไล่แมลง
2.4 ผลิตฮอร์โมนจากรกหมู
2.5 ผลิตน้ำส้มควันไม้
2.6 ผลิตดัดแปลงเครื่องมืออุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตร
2.7 คัดพันธุ์ข้าวโดยการนำข้าวกล้องที่สมบูรณ์ที่สุดไปเพาะเพื่อขยายพันธุ์
2.8 ผสมพันธุ์ข้าว พันธุ์ใหม่ ชื่อ “เบาบางงาม”
3. ความคิดริเริ่มการประกอบอาชีพและความพยายามฝ่าฟันอุปสรรคในการสร้างผลงาน
3.1 จากเดิมทำนาโดยใช้สารเคมีเต็มรูปแบบจนสุขภาพอ่อนแอ จึงหันมาทำนาข้าวอินทรีย์โดยใช้จุลินทรีย์และสารชีวภาพทดแทน
3.2 คิดค้นวิธีการทำนาเพื่อให้ได้ผลผลิตมากขึ้น ลดต้นทุนการผลิตเป็นการเพิ่มผลกำไร เช่น การปลูกข้าวหอมมะลิ ครั้งที่ 2 ดัดแปลงเครื่องมืออุปกรณ์การเกษตร ฯลฯ
3.3 มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในนาได้อย่างเหมาะสมกับพื้นที่และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เช่น ใช้เครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์ข้าว
3.4 เป็นตัวอย่างให้กับเกษตรกรรอบข้างในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการผลิตและการจัดการโดยเน้นผลิตเอง ใช้เอง เหลือขายตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
3.5 การแก้ปัญหาของเกษตรกรด้านพื้นที่ ด้านวิชาการเกษตร ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านการเมือง และด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้จุลินทรีย์ชีวภาพมาปรับปรุงดินที่มีสภาพเป็นกรดจัดให้เหมาะสมกับการทำนา การคิดและทำผลิตภัณฑ์การเกษตรตามหลักวิชาการและเป็นวิทยากรเผยแพร่ให้เกษตรกรอื่น ๆ เรียนรู้และทำเองใช้เองได้เป็นการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ , สังคม , การเมือง และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมให้ปราศจากมลพิษ
3.6 แนวคิดในการทำงาน
“ ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ อดทน และเสียสละ จะช่วยครอบครัว ช่วยสังคมและช่วยประเทศชาติได้ “
4. ผลงานและความสำเร็จของผลงานทั้งปริมาณและคุณภาพ ตลอดจนระยะเวลาที่ปฏิบัติงานและ ความยั่งยืนในอาชีพ
4.1 ผลงาน
4.1.1 ผลผลิตต่อไร่หรือต่อหน่วยพื้นที่เกินค่าเฉลี่ยของชุมชนที่ทำนาอินทรีย์ (ไม่ใช้ปุ๋เคมี ไม่ ใช้สารใด ๆ ) คือ ผลิตได้เฉลี่ย 800 ก.ก / ไร่ ขณะที่นาที่ผลิตแบบเดียวกันรายอื่น 600 ก.ก. / ไร่ ถ้าเปรียบเทียบกับนาเคมีผลผลิตยังต่ำกว่าคือได้ 800 ก.ก. / ไร่ ขณะที่นาเคมีเฉลี่ย 850 ก.ก. / ไร่ แต่เปรียบเทียบรายได้สุทธิทำนาอินทรีย์ได้มากกว่าเนื่องจากตัดต้นทุนปุ๋ยเคมีและสารเคมีออกไป
4.1.2 มีการผลิตที่ถูกหลักการเกษตรที่ดีและเหมาะสม (GAP)
- เกษตรกรผลิตแบบอินทรีย์ ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีใด ๆ
ลดข้าวดีดได้มากกว่า 70%
ชุดย่อยสลายตอซังฟางข้าว ตรานกอินทรีคู่ ขจัดปัญหาข้าวดีด ข้าวเด้ง ข้าววัชพืช คลิกที่นี่
กำจัดหอยเชอรี่ ปลอดสารพิษ ไม่อันตรายต่อคนและสัตว์เลี้ยง สกัดจากกากชา หอยตายไวเห็นผลใน 2-3 ชั่วโมง กินรีกำจัดหอยเชอรี่โดยเฉพาะ คลิกที่นี่
ปุ๋ยตรานกอินทรีคู่
จากฟาร์มเกษตร ผลิตภัณฑ์ออแกนิกส์ ปลอดสารพิษ ส่งออกไปยังประเทศจีน ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ กาน่า ด้วยเทคโนโลยีการผลิต และความร่วมมือจากนักลงทุนประเทศ ออสเตเลีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย โดยคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และยังมี สสว. องค์กรของภาครัฐร่วมลงทุนอยู่ด้วยประมาณ 15% จึงมันใจได้ว่า ปุ๋ยตรานกอินทรีคู่ มีคุณภาพสูง และเป็นที่ยอมรับในองค์กรชั้นนำ
สนใจติดต่อ คุณปิยะมาศ 089-4599003
หรือ ดูรายการสินค้าและราคาคลิกที่นี่
|
4.1.3 มีการบริหารจัดการการผลิตและการตลาดที่ดี (แผนการผลิตและการตลาด)
- เกษตรกรแยกส่วนผลิต เช่น ผลิตเพื่อจำหน่ายเมล็ดพันธุ์จะผลิตตามที่เกษตรกรรายอื่นสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์ และผลิตเพื่อสีเป็นข้าวกล้องปลอดสารเคมีบรรจุถุงจำหน่ายที่จะมีตลาดรองรับทั้งหมด
4.1.4 ทุน / รายได้
- ต้นทุนการทำนาแบบอินทรีย์ถูกกว่าทำนาแบบเคมี
- รายได้มากกว่าทำนาแบบเคมี
4.1.5 การใช้เทคโนโลยีในการปรับปรุงสภาพการผลิต
- การคัดพันธุ์ข้าวก่อนการปลูกทุกครั้ง
- ปรับปรุงดินโดยใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างยั่งยืน
- ให้ธาตุอาหารข้าวโดยใช้ฮอร์โมนจากรกสุกร, น้ำหมักชีวภาพจากพืชและปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ชีวภาพแทนการใช้ปุ๋ยเคมี
4.2 ความยั่งยืนในอาชีพ
4.2.1 ความต่อเนื่องของการทำนา เริ่มทำนาโดยช่วยพ่อ และแม่ทำตั้งแต่เด็ก ต่อมาได้แยกจากพ่อและแม่มาทำนาเอง โดยการทำนาครั้งแรกเป็นการทำนาแบบเคมี และได้มีการปรับปรุงเป็นการทำนาแบบอินทรีย์ในปัจจุบัน (โดยเริ่มทำนาแบบอินทรีย์ตั้งแต่ พ.ศ.2540 จนถึงปัจจุบัน)
4.2.2 การขยายพื้นที่ เนื่องจากพื้นที่นาของนายทองเหมาะ แจ่มแจ้ง มีพื้นที่ประมาณ 30 ไร่ ประกอบกับมีภาระเป็นวิทยากรสอนเกษตรกรทั่วไปภายในจังหวัดสุพรรณบุรี และต่างจังหวัดตามคำขอเชิญจากสถาบันต่าง ๆ เช่น กลุ่มอโศก ซึ่งมีเครือข่ายเกษตรอินทรีย์หลายจังหวัด เป็นวิทยากรของ ธกส. , กศน. , สสส. ฯลฯ จึงไม่มีกำลังพอที่จะขยายพื้นที่ทำนาของตนเองให้มากขึ้น แต่ได้ขยายเครือข่ายการทำนาแบบอินทรีย์ไปจังหวัดต่าง ๆ ที่ได้เป็นวิทยากรจำนวนมากมาย
4.2.3 การเพิ่มมูลค่าผลผลิตและการตลาด นายทองเหมาะ แจ่มแจ้ง ได้เพิ่มมูลค่าผลผลิตโดยการทำข้าวเปลือกจากการทำนาแบบอินทรีย์มาสีเป็นข้าว กล้องอินทรีย์บรรจุถุงจำหน่ายเองโดยตรงให้กลุ่มอโศก เป็นการเพิ่มมูลค่ามากกว่าขายเป็นข้าวเปลือกให้แก่โรงสี สำหรับการตลาดนายทองเหมาะ แจ่มแจ้ง ได้ติดต่อให้กลุ่มอโศกรับซื้อข้าวกล้องที่ผลิตได้ทั้งหมดนอกจากจำหน่ายของ ตนเองแล้วยังได้ติดต่อจำหน่ายข้าวกล้องอินทรีย์ของสมาชิกเครือข่ายเกษตร อินทรีย์อีกด้วย
4.3 การขยายผล
นายทองเหมาะ แจ่มแจ้ง เป็นตัวอย่างในการปฏิบัติงานให้กับเกษตรกรในบริเวณพื้นที่ทำนาทุ่งเดียวกันและเป็นแหล่งศึกษา ดูงาน ของเกษตรกรทั่วไป ซึ่งสถาบันต่าง ๆ ตลอดจนเครือข่ายองค์กรเอกชน มูลนิธิต่าง ๆ ทั้งในและต่างจังหวัดได้เชิญเป็นวิทยากรในการทำนาข้าวอินทรีย์จนสามารถสร้างเครือข่ายการทำนาอินทรีย์มากมาย
5. ความเป็นผู้นำและการเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวมในด้านต่าง ๆ
5.1 เป็นผู้นำที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ นายทองเหมาะ แจ่มแจ้ง ได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ 4 ของสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ โดยประกาศเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2548 และได้รับการยกย่องจากกลุ่มอโศกให้เป็นปราชญ์ชาวบ้าน
5.2 การทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม เช่น เป็นที่ปรึกษาด้านต่าง ๆ เป็นสถานที่ศึกษา ดูงาน เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้และอื่น ๆ นายทองเหมาะ แจ่มแจ้ง เป็นที่ปรึกษาของโรงเรียนวังหว้าราษฎร์สามัคคี ใช้สถานที่บ้านพักเป็นสถานที่ศึกษา ดูงาน เรื่องการทำจุลินทรีย์ต่าง ๆ การคัดเมล็ดพันธุ์ข้าว ฯลฯ และเป็นวิทยากรบรรยายเองทุกครั้งที่มีเกษตรกรจากภายในจังหวัดหรือต่างจังหวัดมาศึกษา ดูงาน
5.3 ความสามารถในการสื่อสารและการทำความเข้าใจ นายทองเหมาะ แจ่มแจ้ง เป็นวิทยากรที่มีความสามารถสูง สื่อสารให้เกษตรกรเข้าใจได้ง่ายเป็นที่ยอมรับของเกษตรกรผู้เข้าอบรม / สัมมนา จนได้รับเชิญจากศูนย์บริการศัตรูพืชจังหวัดสุพรรณบุรีให้ไปเป็นวิทยากรหลายครั้ง
5.4 บุคลิกภาพความน่าเชื่อถือและจริยธรรม นายทองเหมาะ แจ่มแจ้ง มีบุคลิกภาพดี มีความน่าเชื่อถือของเกษตรกร และหน่วยงานต่าง ๆ มีจริยธรรมอันดีจนได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ 4 ของสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
6. การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
6.1 ที่ตั้งของฟาร์มต้องไม่อยู่ในเขตป่าสงวน หรือเขตหวงห้ามของทางราชการ ที่นายของนายทองเหมาะ แจ่มแจ้ง มีเอกสิทธิ์ไม่อยู่ในเขตป่าสงวน
6.2 การปรับปรุงบำรุงดินนายทองเหมาะ แจ่มแจ้ง ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและไม่ใช้สารเคมีใด ๆ จะใช้ปุ๋ยจุลินทรีย์ชีวภาพที่สกัดจากพืชและรกของสุกรทดแทนเป็นการปรับปรุง บำรุงดินที่ถูกวิธี อีกทั้งที่นา 30 ไร่ของนายทองเหมาะ แจ่มแจ้ง ไม่เคยเผาฟาง โดยจะใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นตัวย่อยสลายฟางข้าวกลับกลายเป็น ปุ๋ยหมักธรรมชาติ
6.3 การป้องกันและการรักษาดิน ที่นาของนายทองเหมาะ แจ่มแจ้ง เป็นที่ราบลุ่มเหมาะสำหรับการทำนาไม่มีปัญหาเรื่องการพังทลายของดิน จึงไม่ได้ปลูกแฝกแต่จะใช้วิธีไม่เผาฟางและใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสูง เป็นตัวย่อยสลายฟางข้าวกลับกลายเป็นปุ๋ยหมักธรรมชาติมาเป็นเวลานานหลายปี ((เริ่มทำนาแบบอินทรีย์ตั้งแต่ พ.ศ.2540) จนหน้าดินอุดมสมบูรณ์เต็มที่ ประกอบด้วยฮิวมัสหนามาก จึงไม่มีความจำเป็นต้องปลูกพืชคลุมดิน
6.4 การป้องกันกำจัดศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสาน นายทองเหมาะ แจ่มแจ้ง ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ผ่านการคัดเมล็ดพันธุ์อย่างดีจากพันธุ์ต้านทานที่ทางราชการแนะนำส่งเสริม ใช้สารชีวภาพที่ผลิตเองในการปรับปรุงบำรุงดินและกำจัดโรคแมลงศัตรูข้าวโดยไม่ใช้สารเคมีใด ๆ มานานหลายปีทำให้เกิดระบบนิเวศที่เหมาะสมในนาข้าว มีแมลงศัตรูธรรมชาติ (ตัวห้ำ , ตัวเบียน) มากมายในนาข้าวเป็นการถูกต้องตามหลักวิธีการและเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง
6.5 มีการจัดการที่อยู่อาศัยและกิจกรรมการปลูกพืชอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการและถูกสุขลักษณะ
ต้นทุนการผลิตข้าวอินทรีย์ / ไร่
เตรียมดิน
|
350 |
บาท |
ค่าถังหว่าน
|
40 |
บาท |
สารขับไร่แมลง
|
10 |
บาท |
ค่าเชื้อเพลิง
|
50 |
บาท |
ค่าเก็บเกี่ยว
|
400 |
บาท |
ค่าขนส่ง
|
100 |
บาท |
รวม
|
950 |
บาท |
รายได้
ผลผลิตข้าวเปลือก
|
800 ก.ก. / ไร่ (กล้อง 480 ก.ก.) |
จำหน่ายเป็นพันธุ์ข้าว |
12 – 15 |
บาท / ก.ก. |
จำหน่ายเป็นข้าวกล้อง ปลีก |
40 |
บาท / ก.ก. |
จำหน่ายเป็นข้าวกล้อง ส่ง
|
30 |
บาท / ก.ก. |
กำไรสุทธิ |
|
|
- ขายข้าวเปลือก (ข้าวพันธุ์) |
11,050 |
บาท |
- ขายเป็นข้าวกล้อง |
13,450 |
บาท |