อิ่ม อุ่น และอุดมการณ์ที่บ้านเล็กในป่าใหญ่ดอยคำ

อิ่ม อุ่น และอุดมการณ์ที่บ้านเล็กในป่าใหญ่ดอยคำ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี พร้อมด้วยนายสุวัฒน์ เทพอารักษ์ เลขาธิการ กปร. และผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปติดตามการดำเนินงานและเยี่ยมชมความก้าวหน้าของโครงการบ้าน เล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริดอยดำ ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่

ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่มีพระราชประสงค์ที่จะช่วยเหลือราษฎรที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลให้ได้รับความช่วยเหลือทั้งด้านสาธารณสุขการประกอบอาชีพ และคุณภาพชีวิต มาตั้งแต่ปี 2545 เป็นเวลาถึง 10 ปี ที่หน่วยงานต่าง ๆ ได้ร่วมกันสนองพระราชดำริจนกระทั่งสามารถฟื้นฟูสภาพป่าที่กำลังจะแห้งแล้งให้กลับมามีสภาพสมบูรณ์ขึ้น เป็นแหล่งอาชีพและรายได้ของราษฎร ส่งผลให้ราษฎรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความมั่นคงในชีวิต และที่สำคัญเพื่อความรักใน ผืนแผ่นดินไทยสถานที่อันเป็นแหล่งอาศัยและทำกิน ที่จะช่วยกันดูแลรักษาให้มีความอุดมสมบูรณ์และยั่งยืนให้แก่เยาวชนรุ่นหลังต่อไป

โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริดอยดำ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ครอบคลุมพื้นที่ 161,850 ไร่ เกิดขึ้นจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2545 ครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรพื้นที่บริเวณดอยดำ และได้พระราชทานพระราชดำริ ให้จัดตั้งโครงการขึ้น โดยใช้หลักการ 3 อ ประกอบด้วย อิ่ม อุ่น และอุดมการณ์ มีราษฎรทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลพื้นที่ ในลักษณะของยามรักษาชายแดน ช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ รวมถึงพัฒนาพื้นที่ให้คนอยู่กับป่าได้อย่างกลมกลืน โดยไม่ทำลายป่า ส่งเสริมการปลูกผลไม้หลังบ้าน ส่งเสริมการปลูกไม้ผลที่สามารถเจริญเติบโตภายใต้ร่มเงาของป่าไม้ เช่น กาแฟ ชาเมี่ยง ส่งเสริมการปลูก พืชผักสวนครัว เพื่อนำมาปรุงอาหารแบบเศรษฐกิจพอเพียง สาธิตการปลูกผักเพื่อเป็นอาหารในชุมชน

โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริดอยดำ ได้คัดเลือกราษฎรยากจนที่ไม่มีที่ทำกิน ขยัน และไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเข้าร่วมโครงการ จำนวน 4 ชนเผ่า ได้แก่ อาข่า ลีซอ มูเซอ และกะเหรี่ยง เผ่าละ 5 ครอบครัว รวม 20 ครอบครัว ให้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิต (อิ่ม) สร้างความมั่นคง (อุ่น) รวมทั้งสร้างจิตสำนึก (อุดมการณ์) ให้กับราษฎรทั้ง 20 ครอบครัว ที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยมีป่าเป็นแหล่งทำกินและสร้างประโยชน์ พร้อมกับร่วมกันดูแลรักษาป่าต้นน้ำลำธาร จำนวน 16,720 ไร่

ปัจจุบันราษฎร 4 เผ่า 20 ครอบครัว มีความมั่นคงในชีวิต และได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตแบบพอมีพอกิน สามารถอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างกลมกลืนโดยไม่ทำลายป่า เกิดจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้อย่างยั่งยืน และเป็นกำลังสำคัญในการป้องกันรักษาและฟื้นฟูสภาพป่าในพื้นที่โครงการฯ ตลอดจนมีความสำนึกในความเป็นคนไทย และรักประเทศไทย พร้อมเป็น ยามเฝ้าระวังป้องกันประเทศและต่อต้านขบวนการค้ายาเสพติด นอกจากนี้ ป่าต้นน้ำ จำนวน 16,720 ไร่ ได้รับการป้องกันและฟื้นฟูให้อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารและแหล่งควบคุมมลพิษทางสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย.

อ้างอิง:www.dailynews.co.th

ส่งความคิดเห็น