แนะผู้ปลูกพริกไทย...รับมือตลาดเสรีอาเซียน

แนะผู้ปลูกพริกไทย...รับมือตลาดเสรีอาเซียน

นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 ไทยได้เปิดตลาดพริกไทยภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน  (Asean Free Trade Area : AFTA) โดยไม่จำกัดปริมาณนำเข้า อัตราภาษีร้อยละ 5 คาดว่าจะมีการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านในปริมาณมากขึ้น โดยเฉพาะเวียดนามซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ อาจส่งผลให้ราคาซื้อขายปรับตัวลดลง ทั้งนี้ปัจจุบันไทยมีการปลูกพริกไทยจำนวนมากในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีพื้นที่ปลูกและผลผลิตคิดเป็นประมาณร้อยละ 98 ของพื้นที่ปลูกและผลผลิตพริกไทยทั้งประเทศ อย่างไรก็ตามปัจจุบัน การผลิตมีแนวโน้มลดลง สาเหตุสำคัญมาจากสภาพดินเสื่อมโทรมและเกษตรกรมีทางเลือกในการปลูกพืชหลายชนิดที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า จึงได้ปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่น เช่น ยางพารา และแก้วมังกร ดังนั้น เมื่อมีการเปิดเสรีสินค้าพริกไทยภาษีร้อยละ 0 ตามข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน ย่อมส่งผลให้ มีการนำเข้าพริกไทยจากประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เวียดนาม กัมพูชาและลาว อย่างไรก็ตามการนำเข้าดังกล่าว ยังไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกพริกไทย เนื่องจากมีข้อได้เปรียบในเรื่องคุณภาพ โดยเฉพาะกลิ่นและรสชาติทำให้พริกไทยจันทบุรียังเป็นที่ต้องการของตลาด    

นางนารีณัฐ รุณภัย รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าปัจจุบันผลผลิตพริกไทยไม่เพียงพอกับความต้องการใช้อยู่ประมาณ 2,700 - 3,700 ตัน ระยะคาดว่า จะได้รับผลกระทบจากปริมาณนำเข้าที่เพิ่มมากขึ้นส่วนปริมาณการผลิตลดลงเนื่องจาก เกษตรกรมีทางเลือกในการปลูกสินค้าอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า อาจทำให้ขาดแคลนผลผลิตในอนาคต 

              ดังนั้น ในระยะสั้น ภาครัฐควรดำเนินนโยบายวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ส่งเสริมให้ลดต้นทุนเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ส่วนในระยะยาว ควรส่งเสริมให้เกษตรกรมีการปลูกพริกไทยอินทรีย์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและเพื่อฟื้นฟูสภาพดินที่เสื่อมโทรมจากการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีมาเป็นเวลานาน เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือเปิดการค้าเสรีอาเซียน 

ภาครัฐควรให้การสนับสนุน

-การรักษาระดับผลผลิตให้เพียงพอกับความต้องการใช้ในประเทศ โดยควบคุมพื้นที่ปลูกไม่เกิน 18,000 ไร่
-สนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อฟื้นฟูสภาพดินที่เสื่อมโทรม
- ปลูกพริกไทยอินทรีย์แทนการใช้สารเคมี
-กำหนดมาตรฐานพริกไทยและผลิตภัณฑ์เพื่อพัฒนาคุณภาพผลผลิตให้ได้มาตรฐานสากล
-ถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกและแปรรูป เพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์.

(ที่มาหนังสือพิมพ์เดลินิวส์)

ส่งความคิดเห็น