นครชัยบุรินทร์ แหล่งท่องเที่ยวผ้าไหม แห่งใหม่

แหล่งท่องเที่ยวผ้าไหม...เส้นทาง นครชัยบุรินทร์ กรมการพัฒนาชุมชน เดินหน้าเปิดตัวหมู่บ้านส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์เพิ่มอีก 2 แห่งในจังหวัดชัยภูมิชูภูมิปัญญา-สืบสานผ้าไหมโบราณแบบดั้งเดิม(แบบเเก่า) หวังดึงนักท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตแบบชาวบ้านๆและแหล่งผลิตผ้าไหมทอมือครบวงจรตามแนวทางพระราชดำริสมเด็จพระ นางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า ปัจจุบันจังหวัดชัยภูมิได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตผ้าไหมทอมือคุณภาพที่มีชื่อเสียงของประเทศ เพื่อเป็นการ สืบสานภูมิปัญญาผ้าไหมโบราณตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เร็ว ๆ นี้จังหวัดชัยภูมิจึงได้เปิดศูนย์แสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไหมและเปิดตัวหมู่บ้านท่องเที่ยวไหม นครชัย บุรินทร์ และกิจกรรมบ้านพักโฮมสเตย์ ณ ที่ทำการโครงการศูนย์ศิลปาชีพทุ่งกะมัง บ้านหนองหอย ต.กุดชุมแสง อ.หนอง บัวแดง และเปิดหมู่บ้านผ้าไหมบ้านโคกล่าม หมู่ 8 และหมู่ 9 ต.นาหนองทุ่ง อ.แก้งคร้อขึ้น

สำหรับ ศูนย์แสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไหม เกิดขึ้นตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นศูนย์พัฒนาและส่งเสริมอาชีพให้กับชาวบ้านให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจะได้ไม่บุกรุกตัดไม้ทำลายป่า ด้วยการส่งเสริมให้ชาวบ้านหนองหอยปลูกหม่อนเลี้ยงไหมจนได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานพัฒนาชุมชน จังหวัดชัยภูมิ ส่งเสริมสนับสนุน ภูมิปัญญาท้องถิ่น ในด้านการทอผ้าไหมทอมือจนได้รับเป็นผลิตภัณฑ์โอทอป ผ้าไหมทอมือระดับ 4 ดาว สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับพี่น้องในชุมชนและสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดชัยภูมิอย่างมาก

ทั้งนี้ ภูมิปัญญาการทำผ้าไหมของชาวชัยภูมิ ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ตก ทอดกันมาหลายร้อยปี ผ้าไหมแต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองถ้าจัดอันดับเกรดผ้าไหมชัยภูมิจัดอยู่ในลำดับต้น ๆ ของประเทศ ส่วนสมาชิกของศูนย์ศิลปาชีพทุ่งกะมังได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จาก สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2535 ถึงขณะนี้ยังมีการดำเนินการต่อเนื่อง มีสมาชิก 200 กว่าราย และมีรายได้จากการทำผ้าไหมเป็นประจำทุกเดือน ด้วยเหตุนี้จังหวัดจึงดึงจุดนี้มาขยายต่อยอดเป็นหมู่บ้านส่งเสริมการท่องเที่ยวผ้าไหมและจัดให้มีโฮมสเตย์ด้วย

“ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัส ใครที่ได้มาสัมผัสแล้วจะเกิดความรักและเห็นคุณค่าของผ้าไหมเกิดมูลค่าเพิ่ม ชาวบ้านจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยว ทั้งจากผ้าไหม จากบริการที่พัก อาหาร และบริการอื่น ๆ ซึ่งจากนี้ไปจังหวัดจะลงมาส่งเสริมต่อเนื่อง เพื่อให้นักท่องเที่ยวรู้จัก แพร่หลายมากขึ้น” นายพรศักดิ์ กล่าว

ด้าน นายเสน่ห์ พรหมโคตร พัฒนา การจังหวัดชัยภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ จังหวัดชัยภูมิ ยังเปิดหมู่บ้านท่องเที่ยวไหมเพิ่มอีก 1 หมู่บ้าน คือ บ้านโคกล่าม หมู่ 8 และหมู่ 9 ต.นาหนองทุ่ง อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ เปิดในลักษณะเดียวกันกับบ้านหนองหอยด้วย นักท่องเที่ยวที่สนใจ สามารถเดินทางไปเที่ยวชมได้แล้วตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

สำหรับ “นครชัยบุรินทร์” เป็นโครง การความร่วมมือระหว่าง 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง คือ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์และ สุรินทร์ ในการพัฒนาท่องเที่ยวเส้นทางสายไหม (Thai Silk Route Package) ตามเส้นทางสายไหมที่มีการสืบทอดกันมาช้านานให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยจังหวัดชัยภูมิเป็นหนึ่งที่มีความโดดเด่นและมีชื่อเสียงในการผลิตไหมจนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง โดยจังหวัดชัยภูมิจะมีแหล่งผลิตที่สำคัญ 2 แห่งคือ บ้านโคกล่าม หมู่ 8 และหมู่ 9 ต.นาหนองทุ่ง อ.แก้งคร้อและ บ้านหนองหอย ต.กุดชุมแสง อ.หนองบัวแดง ที่สามารถผลิตเส้นไหมออกจำหน่ายได้มากที่สุดของจังหวัดชัยภูมิ จึงได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดชัยภูมิ และสำนักพัฒนาชุมชน จังหวัดชัยภูมิ สนับสนุนการสร้างรายได้ให้กับชุมชนโดยใช้การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เป็นจุดขายจึงทำให้เกิดกิจกรรมการท่องเที่ยวหลายรูปแบบในชุมชนซึ่งการจัดกิจกรรม โฮมสเตย์ ซึ่งเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจมาก และเพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรม การดำเนินวิถีชีวิตชาวบ้านของหมู่บ้านทอผ้าไหม การท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้านของชุมชนการทอผ้าไหม ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมจนถึงการทอผ้าไหมเพื่อเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อีกด้วย.

อ้างอิง:www.dailynews.co.th

ส่งความคิดเห็น