กรีนเฮาส์ อีกก้าวย่างเกษตรไทย

"กรีนเฮาส์"อีกก้าวย่างเกษตรไทย
สถิติขององค์การอาหารและเกษตรของสหรัฐอเมริการะบุว่า ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตผักและผลไม้สดส่งออกเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก มีมูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาทต่อปี โดยที่ผลไม้สดของไทยส่งออกเป็นอันดับ 6 ของโลก ขณะที่ผักสดส่งออกเป็นอันดับที่ 15 ของโลก และเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน มีส่วนแบ่งการตลาดกว่าร้อยละ 60 จากตลาดรวมทั้งหมด ตามมาด้วยเวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย

ขณะที่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ แม้จะอยู่ในฐานะผู้นำของตลาดในอาเซียน หากแต่การเกษตรของไทยยังคงผลิตในรูปแบบเดิม ๆ โดยอาศัยดินฟ้าอากาศเป็นหลักแล้ว อาจจะอยู่ในภาวะถอยหลังลงคลองได้แบบไม่รู้ตัว เมื่อประเทศเพื่อนบ้านที่อุดมไปด้วยทรัพยากรที่มีการพัฒนาตามมา เทคโนโลยีอย่างกรีนเฮาส์อาจจะเป็นคำตอบสำหรับการเกษตรของไทยในวันข้างหน้า

ออสกา นีเซน แห่งพริวา อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทที่ปรึกษาและให้บริการด้านระบบการจัดการต่าง ๆ ภายในโรงเรือนอย่างครบวงจร บอกว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือแหล่งผลิตของโลก แน่นอนว่าวันนี้สภาพภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นเราจึงต้องสร้างสภาพอากาศที่เหมาะสมให้กับพืชเพื่อการผลิตที่ได้ผลสม่ำเสมอและมีคุณภาพ

“คนมักเข้าใจว่าการสร้างกรีนเฮาส์เพื่อเพาะปลูกนั้นเหมาะสำหรับเมืองหนาวที่มีฤดูการเพาะปลูกจำกัด แต่ความจริงแล้วเทคโนโลยีของกรีนเฮาส์ก้าวไกลไปมากกว่านั้น เราสามารถควบคุมอุณหภูมิได้ทั้งร้อนและเย็น อย่างประเทศไทยอาจจะต้องการกรีนเฮาส์แบบเย็นมากกว่า และไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเรือนกระจกเท่านั้นวัสดุอื่น ๆ ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน”

ขณะที่เรื่องของน้ำที่เกษตรกรหากไม่ต้องประสบกับภัยแล้งก็ต้องเจอกับภาวะน้ำท่วมนั้น ความจริงแล้วพืชไม่ได้ต้องการน้ำในปริมาณมากอย่างที่เกษตรกรทำกันอยู่ในปัจจุบัน การให้น้ำโดยตรงทางรากจะใช้น้ำน้อยกว่าและพืชสามารถดึงไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่า โดยสามารถให้ปุ๋ยไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย และน้ำที่จะไหลออกจากโรงเรือนก็สามารถนำมารีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้อีกครั้งได้ด้วยเช่นกัน

ส่วน ยาน วิลเลม ลุท เจ้าของและผู้อำนวยการของ เซอร์คอม บริษัทผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เจ้าของรางวัลวิทยาการด้านการเกษตรยอดเยี่ยมจากงานฮอร์ติ แฟร์ 2012 งานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพืชพรรณ ผัก ผลไม้ ดอกไม้ และกล้วยไม้ระดับโลก จากผลงานระบบระบายแก๊สในกรีนเฮาส์ บอกว่า แต่เดิมเรื่องแก๊สในกรีนเฮาส์นั้นไม่เคยมีใครสนใจ เพียงแต่ใช้ความรู้สึกว่าอากาศภายในดูเปลี่ยนไปก็จะเปิดช่องลมเพื่อระบายเท่านั้น แต่ระบบที่ว่านี้จะตรวจวัดพร้อมทั้งระบายแก๊สออกไปให้บรรยากาศในกรีนเฮาส์กลับมาอยู่ในสภาวะที่เหมาะสมอีกครั้ง

“เทคโนโลยีที่เราเคยนำไปร่วมแสดงในงานฮอร์ติ เอเชียที่จัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อต้นปีที่ผ่านมานั้น เราได้มีการปรับเพื่อให้เกษตรกรชาวไทยสามารถซื้อไปใช้ได้ โดยนำแต่เพียงเทคโนโลยีการจัดการระบบน้ำไป และใช้อุปกรณ์ชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ผลิตในเมืองไทยซึ่งจะทำให้มีราคาถูกกว่าครึ่ง”

อุปกรณ์ที่ว่าไม่เพียงช่วยตรวจสอบคุณภาพของน้ำที่เหมาะสมกับพืชโดยวัดค่าความเป็นกรดด่างแล้ว ยังสามารถให้ปุ๋ยไปพร้อมกันได้ด้วยผ่านแท็งก์

ขณะที่ โรนัลด์ คล็อปเพนเบิร์ก ผู้จัดการฝ่ายขายต่างประเทศ เอ แอนด์ เอ็น ลุยเทน บริษัทที่ปรึกษาและให้บริการด้านการออกแบบและก่อสร้างโรงเรือนสำหรับปลูกพืชและอุปกรณ์ภายในโรงเรือน ระบุว่า ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มักมีปัญหาเรื่องเทคโนโลยีที่ล้าสมัย ปัญหาเรื่องแมลง น้ำ และอุณหภูมิ หากเรามีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยเกษตรกรก็จะได้รับผลกระทบจากปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ลดลง พร้อมทั้งได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นด้วย เพราะปัจจุบันเจ้าของกิจการหลายรายก็ยังต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องค่าแรงที่สูงขึ้นด้วย

“หากเรานำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยนอกจากจะสามารถควบคุมผลผลิตได้แล้ว ยังแก้ปัญหาเรื่องแรงงานโดยใช้คนน้อยลงได้ด้วย ซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนการผลิตไปในตัว เพราะในกรีนเฮาส์เราสามารถควบคุมได้ทุกอย่างทั้งเรื่องน้ำและอุณหภูมิ”

ทั้งเทคโนโลยีในเรื่องระบบการจัดการน้ำและกรีนเฮาส์ที่ว่าจากเนเธอร์แลนด์ ประเทศที่ครองความเป็นอันดับหนึ่งในการทำเกษตรอุตสาหกรรม กำลังจะตบเท้าเข้าร่วมงาน “ฮอร์ติ เอเชีย 2013” ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศไทย ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค โดยบริษัท วีเอ็นยู เอ็กซิบิชั่นส์ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด ระหว่างวันที่ 9-11 พ.ค. 2556.

..........................................

ปลูกผักหนีน้ำ

เพราะเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ของไทยเมื่อปีก่อน ทำให้แปลงผักมากมายต้องจมน้ำเสียหายเช่นเดียวกับนาข้าว ทว่าเจ้าของเทคโนโลยีที่สามารถเอาชนะระดับน้ำทะเลที่อยู่สูงกว่าถึง 6 เมตรได้อย่างเนเธอร์แลนด์ ซึ่งครั้งหนึ่งชาวเมืองต้องอาศัยอยู่ในเรือแทนพื้นราบมาก่อน สามารถคิดค้นการปลูกผักอีกรูปแบบที่ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะท่วมหรือแล้ง

รูปแบบการปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกอาจไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนไทยวันนี้ แต่การปลูกผักในตู้คอนเทเนอร์เป็นอีกขั้นของวิทยาการที่บริษัท เซอร์ตรอน คิดค้นขึ้น โดยในตู้ที่ว่านี้จะถูกดัดแปลงให้เป็นแปลงผักเกือบ 10 ชั้น

แล้วผักจะโตได้อย่างไรในตู้ที่ว่า

หลอดไฟแอลอีดีขนาดเล็กที่มีราคาถูกมากในปัจจุบัน จะทำหน้าที่ในการให้แสงยูวีเพื่อให้ผักเหล่านั้นเอาไปใช้ในการสังเคราะห์แสง โดยมีการวางระบบการให้น้ำและปุ๋ยเสร็จสรรพ สามารถเก็บผลผลิตได้ตามวันและเวลาที่กำหนดแบบเดียวกับโรงเรือนแบบกรีนเฮาส์ เพียงแต่ตู้คอนเทเนอร์ที่ว่านี้สามารถจะยกหนีน้ำได้ทันที หากว่าจะเกิดปัญหาน้ำท่วมขึ้นมาอีกครั้ง.

อ้างอิง:www.dailynews.co.th

ส่งความคิดเห็น