สูตรทำชาดำเย็น

สูตรทำชาดำเย็น สูตรชาดำเย็นสำหรับร้านกาแฟสด บอกก่อนนะครับว่าปกติแล้วร้านกาแฟสดไม่ค่อยมีชาดำเย็นขายหรอกครับ หรือต่อให้มีขายก็ขายไม่ดีแน่นอน คนยังเลือกไปซื้อชาดำเย็นจากร้านกาแฟโบราณได้ แถมร้านสะดวกซื้อก็มีชาดำเย็นทั้งบรรจุขวดและแบบกดจากเครื่องกดน้ำด้วย ถ้ามีคนถามถึงเยอะจริงๆค่อยเอามาขายครับ

วิธีทำชาดำเย็น มี 2 วิธี วิธีแรกคือใช้เครื่องชงเอสเพรซโซ่ (เครื่องชงกาแฟล่ะครับ) คือเอาใบชาใส่ในก้านอัดให้เต็มแล้วกลั่นน้ำชาออกมาประมาณ 7 ออนซ์ จากนั้นใส่น้ำเชื่อม 4 ปั้ม หรือน้ำตาลทราย 3 ช้อนชาพูนๆ อยากได้หวานมากก็ใส่มาก อยากได้หวานน้อยก็ใส่น้อย ใส่น้ำแข็งเต็มแก้ว 16 oz จะได้ชาดำเย็นเรียบร้อยครับ ข้อดีของการชงแบบนี้ คือค่อนข้างสะดวกในการชง ปรับความหวานของชาได้จากการใส่น้ำเชื่อม ขอแค่มีใบชา ผงชาและเครื่องชงเอสเพรซโซ่ ที่สำคัญการทำชาดำเย็นแบบนี้ดูมีคุณค่าในสายตาของลูกค้า เพราะชงสดๆต่อหน้าให้ลูกค้าเห็น แต่ข้อเสียที่สำคัญคือ กลิ่นของใบชาจะติดหัวกรุ๊ปของเครื่องชงเอสเพรซโซ่ครับ พอเอาไปชงกาแฟต่ออาจจะมีกลิ่นชาติดไปกับกาแฟด้วย ถ้าร้านใครพอมีพื้นที่ก็น่าจะกลั้นใจซื้อเครื่องชงถูกๆไว้สำหรับชงชาโดยเฉพาะ ข้อเสียอีกอย่างก็คือ กลิ่นของใบชาจะไม่ถูกสกัดทั้งหมด กลิ่นจะไม่หอมเท่ากับการต้มใบชา

วิธีทำชาดำเย็นวิธีที่ 2 เป็นวิธีต้ม ให้ตั้งน้ำเดือด 2 ลิตร เสร็จแล้วดับไฟ ใส่ใบชา 200 กรัม แล้วปิดฝาหม้อ ทิ้งไว้ 15 นาที – 60 นาที ขึ้นอยู่กับว่าต้องการสีเข้มมากน้อยแค่ไหน ถ้าต้องการสีอ่อนให้ต้มไว้ 15 นาที ถ้าอยากได้สีเข้มให้ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง ส่วนตัวแล้วแนะนำว่า 30 นาทีครับ สีกำลังสวยและกลิ่นกำลังดีทีเดียว เมื่อพ้นเวลาที่ต้องการให้ตักใบชาออกมาหรือเทน้ำชาออกมา ใส่น้ำตาลทราย 4 ขีด รอให้เย็นแล้วเทเก็บในภาชนะบรรจุเก็บไว้ในที่เย็น ชาดำเย็นสามารถเก็บได้ 3-5 วัน ขึ้นอยู่กับภาชนะที่บรรจุว่าสะอาดแค่ไหน ก่อนบรรจุชาดำควรทำความสะอาดขวดด้วยน้ำยาล้างจานและลวกน้ำอุ่นๆด้วย วิธีนี้มีข้อดีตรงเมื่อลูกค้าสั่งแล้วสามารถเทจากขวดให้ลูกค้าได้เลย ถ้าลูกค้าต้องการหวานเพิ่มก็ปั้มน้ำเชื่อมเพิ่ม ชาดำเย็นที่แช่เย็นมากๆ เวลานำมาเทใส่น้ำแข็งเต็มแก้วจะหอมอร่อยมากๆ แต่ข้อเสียที่สำคัญมากๆคือ ลูกค้าจะมองว่าชาดำเย็นแก้วนั้นไม่มีคุณค่าเพราะชงไว้สำเร็จเตรียมขายก่อนแล้ว

ชาดำเย็นที่ทำไว้สำเร็จแล้วหรือชาดำเย็นที่ชงจากเครื่องชงเอสเพรซโซ่สามารถนำไปทำเป็น ชานมเย็น ต่อไปได้นะครับ

อ้างอิง:www.coffeeindy.com

ส่งความคิดเห็น