พัฒนาไหมเชิงการค้า

พัฒนาไหมเชิงการค้า กรมหม่อนไหม โดยสำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีหม่อนไหม ได้ดำเนินโครงการพัฒนากลุ่มเครือข่ายผู้ผลิตไหมเชิงการค้าร่วมภาคเอกชน เพื่อยกระดับมาตรฐานกลุ่มผลิตเครือข่ายสู่วิสาหกิจไหม สร้างความเข้มแข็งให้แก่ กลุ่มเกษตรกร สร้างระบบความเชื่อมโยงของห่วงโซ่การผลิต และเครือข่ายผู้ประกอบการสู่ตลาดโลก ตลอดจนเพิ่มรายได้แก่กลุ่มเกษตรกรผู้ประกอบอาชีพหม่อนไหมทั้งระบบ

เป้าหมายของโครงการ คือเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรทุกจังหวัดที่ประกอบอาชีพด้านหม่อนไหมจะได้รับการฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อการผลิตที่ได้คุณภาพตามมาตรฐาน เป็นระบบ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งในแต่ละปีได้จัดการสัมมนาเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการดำเนินงาน พร้อมทั้งหาแนวทาง ในการประสานงานระหว่างกลุ่มเครือข่ายกับภาคเอกชน ที่สำคัญยังเป็นเวทีการเจรจาธุรกิจร่วมกันระหว่างกลุ่มเกษตรกร และระหว่างกลุ่มเกษตรกรกับผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดการซื้อขายกันด้วย

จากการดำเนินการของกรมหม่อนไหมตั้งแต่ปี 2551 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ก่อให้เกิดกลุ่มเครือข่ายผู้ผลิตไหมที่ได้รับการพัฒนาแล้วหลายกลุ่ม ซึ่งกลุ่มเครือข่ายดังกล่าวสามารถประสานงาน ร่วมผู้ประกอบการได้ เช่น กลุ่มเครือข่ายผลิตภัณฑ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ร้อยเอ็ด) และกลุ่มเครือข่ายผู้ผลิตไหมในลักษณะเครือข่ายวิสาหกิจไหม จำนวน 30 กลุ่ม มีเกษตรกรที่ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาแล้วมากกว่า 1,000 ราย ซึ่ง

มีความเข้มแข็งเพียงพอที่จะสร้างระบบเชื่อมโยงในระหว่างกลุ่มผู้ผลิตไหมด้วยกันได้ และยังมีภาคเอกชนที่ได้เข้ามาเชื่อมโยงในระบบเครือข่ายแล้วหลายรายด้วยกันแน่นอนว่าการยกระดับเครือข่ายวิสาหกิจไหมดังกล่าว จะก่อให้เกิดการจ้างงานในชุมชน ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมในชนบท ลดการเคลื่อนย้ายแรงงานจากชนบทสู่เมือง และยังสามารถลดเงินตราออกนอกประเทศ โดยการพัฒนาการผลิตเส้นไหมไทยหัตถกรรมคุณภาพมาตรฐานสู่ภาคอุตสาหกรรม เพื่อทดแทนการนำเข้าเส้นไหมได้ในระดับหนึ่ง สร้างรายได้แก่เกษตรกรเพิ่มขึ้นได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 เกิดการหมุนเวียนของเงินสดในชุมชน นำไปสู่การดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพแบบเศรษฐกิจพอเพียง เกิดความสามัคคีระหว่างกลุ่มเกษตรกรในชุมชนด้วยกันและต่างชุมชน

ทั้งนี้กระบวนการเชื่อมโยงกลุ่มเครือข่ายจะส่งผลทำให้กลุ่มเกษตรกรสามารถก้าวไปสู่การเป็นนักธุรกิจขนาดย่อม มีโอกาสในการต่อรองเชิงธุรกิจได้มากขึ้น และยังเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสังคมชุมชนขั้นพื้นฐานเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระดับประเทศ

นับเป็นก้าวเดินในการส่งเสริมเกษตรกร โดยสนับสนุนเทคโนโลยีการผลิตและการจัดการเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่กลุ่มเครือข่าย ให้เพิ่มขีดความสามารถในระบบการเชื่อมโยง ซึ่งแน่นอนว่าการเชื่อมโยงต่อห่วงโซ่การผลิตร่วมผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งนำรูปแบบที่ประสบผลสำเร็จมาขยายผลไปยังกลุ่มเกษตรกรอื่นๆ นั้น ย่อมเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพไปสู่ระบบกลุ่มเครือข่ายเชิงการค้าร่วมได้มากขึ้นและนับเป็นการจัดระบบการผลิตไหมเข้าสู่มาตรฐานการผลิตเดียวกัน ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยสร้างโอกาสการซื้อขายในตลาดให้แก่เกษตรกรได้มากขึ้น ที่สำคัญเมื่อ 3 ภาคส่วน คือ ส่วนราชการ ภาคเอกชน และกลุ่มเครือข่ายเกษตรกร ได้มีช่องทางในการร่วมกันพัฒนาระบบการผลิตที่ได้มาตรฐานแล้ว ก็จะช่วยให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ไหมได้มีความหลากหลายและเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมใช้เพื่อความสะดวกแก่ผู้บริโภคได้มากขึ้นนั่นเอง.

อ้างอิง:www.dailynews.co.th

ส่งความคิดเห็น