data-ad-format="autorelaxed">
Bi-wire และ Bi-Amp เกิดขึ้นจากความสงสัยของผมเอง เนื่องจากผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบฟังเพลงแบบสบายๆ และชอบเสียงแนวที่ไม่หนักมากหนัก ไม่ชอบการปรับแต่งเสียงที่ยุ่งยาก เนื่องจากไม่มีความรู้ด้านเครื่องเสียงมากพอ ซื้อมาอย่างไร ฟังอย่างนั้น ตามที่เขาเซ็ตมาให้
วันหนึ่งได้ลองไปเลือกลำโพง เพื่อเอามาต่อฟังกับ Integrated Amp เป็น Magnet รุ่น SA 4 ตัวเก่าที่วางอยู่ที่บ้าน ซึ่งวางอยู่นานมากแล้ว ราวๆเกือบ 15 ปี แต่ยังคงพอใช้ได้อยู่ เดินไปเลือกบนห้างเดอะมอล สาขาบางกะปิ ทางผู้ขายก็แนะนำให้เลือกซื้อมาเป็นลำโพงยี่ห้อ Mordaunt-Short รุ่น Avant 904i ทางพนักงานขาย แนะนำว่ามีน้ำเสียงดีน่าฟัง
จากนั้นกลับมาถึงบ้าน จะเริ่มจัดแจงต่อสายลำโพง เข้ากับแอมป์ที่วางอยู่ พอหันมาด้านหลัง กลับพบขั้วต่อถึง 4 ขั้ว ตามความเข้าใจของเรามันน่าจะมีแค่ 2 เลยมองไปดู เขียนเอาไว้ว่า +HF +LF -HF -LF เลยลองไปค้นดู พบว่า HF = High Frequency และ LF = Low Frequency ซึ่งก็คือ ความถี่สูง และความถี่ต่ำตามลำดับ
การต่อแบบปกติ
รูปที่ 1 การต่อสายสัญญานแบบปกติ สำหรับหรับลำโพงที่รองรับ Bi-Wire
การต่อสายสัญญานแบบปกติ สำหรับลำโพงที่รองรับ bi-amp และ bi-wire สามารถใช้ U-Link หรือบางท่านเรียกว่า Bridges เชื่อมต่อ +HF เข้ากับ +LF และ เชื่มต่อ -HF เข้ากับ -LF ดับในรูปที่ 1 หลังจากนั้นเราสามารถใช้สายลำโพง ต่อเข้ากับ Amplifier ได้ในแบบปกติ ก็จะสามารถใช้งานได้
แต่ ลำโพงรุ่นที่ผมซื้อมา ไม่ได้มี U-Link หรือ Bridges มาให้ด้วย เหมือนบังคับให้เราต้องต่อ Bi-Wire
การต่อ Bi-Wire
รูปที่ 2 การต่อสายสัญญานแบบ Bi-Wire
ในขั้นแรกเลย สำหรับลำโพงที่มี U-Link หรือ Bridges ติดมา อย่าลืมเอาออกก่อนนะครับ จากนั้นให้เราเตรียมสายสัญญานไว้ 4 เส้น ต่อลำโพง 1 ข้าง ลำโพงสองข้าง เราต้องเตรียมไว้ทั้งหมด 8 เส้นครับ สายสัญญาณทั้งสี่เส้น เรานำไปต่อเข้ากับ ขั้วทั้งสี่ของลำโพง ดังในรูปที่ 2 ครับ จากนั้นให้เราทำการจับคู่ +HF กับ +LF แล้วไล่ไปยังปลายสายอีกด้านที่ยังลอยไว้ จากนั้นพันเข้าด้วยกัน และนำไปต่อเข้ากับขั้ว + ของ Amp ครับ จากนั้นทำเหมือนกันสำหรับคู่ -HF กับ -LF และนำไปต่อเข้ากับขั้วลบของ Amp และสำหรับลำโพงอีกด้านหนึ่ง ก็ทำเช่นเดียวกัน เสร็จแล้วก็ลองทดสอบฟังครับ
การต่อ Bi-Amp
รูปที่ 3 การต่อสายสัญญานแบบ Bi-Amp
ต่อมาผมได้ ONKYO รุ่น TX-NR609 Network AV-Receiver มาใช้แทน Magnet SA4 Integrated Amp และนั่งอ่านคู่มือ พบว่า เราสามารถต่อ Bi-Amp ได้ โดยใช้ AV-Receiver เพียงตัวเดียว ซึ่งกลายเป็นเรื่องใหม่สำหรับผมอีกครั้งหนึ่ง ส่วนการต่อ Bi-Amp สำหรับท่านที่มี Amplifier 2 ตัว คงไม่ขออธิบายนะครับ เพราะดูตามรูปที่ 3 แล้ว ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร ต่อตามรูปก็ใช้งานได้เลย
สำหรับ AV-Receiver จะมี Input และ Output เยอะมาก และมีความสามารถต่อลักษณะ Bi-Amp ได้ โดยการใช้ Front output ต่อเข้ากับ LF หรือความถี่ต่ำ และ ใช้ Surround Back หรือ Front Hight ต่อเข้ากับ HF หรือความถี่สูง จากนั้นท่านต้องเข้าไปปรับแต่งฟังก์ชั่นใน AV-Receiver ของท่าน ให้ขับเป็นแบบ Bi-Amp หลังจากที่ท่านพ่วงต่อเสร็จแล้ว จึงจะใช้งานได้ครับ
ต่อแบบไหน เสียงดีที่สุด
เชื่อว่าหลายๆคนอยากจะถามคำถามนี้ ในมุมมองของผม คำว่าเสียงดี เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากอารมณ์ และความรู้สึกครับ วัดกันเป็นตัวเลขไม่ได้ หากเถียงกันว่าอันไหนเสียงดีกว่า คงเถียงกันอย่างไรก็ไม่จบ
ในคู่มือเขียนเอาไว้ว่า : Bi-amping provides improved bass and treble performance. ไบแอมป์ เพิ่มประสิทธิภาพของเสียงทุ้ม และเสียงแหลม
ใน wikipedia กล่าวว่า : Hi-Fi = High Fidelity เครื่องเสียง Hi-Fi คือเครื่องเสียงที่มีความเที่ยงตรงสูง มีเสียงรบกวน และการบิดเบือนน้อยที่สุด และตอบสนองความถี่ได้ถูกต้อง
หากผมจะตีความหมายว่า การต่อสายสัญญาน ระหว่างลำโพง กับเครื่องขยายเสียง ในแบบที่ธรรมดาที่สุด น่าจะให้เสียงที่ถูกต้อง ตรงกับต้นกำเนิดมากที่สุด และเราน่าจะได้ฟังเสียงที่เข้าใกล้กับ Hi-Fi มากที่สุด อันนี้จะถูกต้องหรือไม่ ก็เป็นเพียงความเข้าใจของผมเพียงเท่านั้นครับ
สุดท้ายแล้ว เลือกในแบบที่คุณชอบครับ
ขอบคุณรูปภาพจาก fluance.com
จบ--------------------------------------
Update ครั้งที่ 2
บังเอิญผ่านไปเห็นใน Board เรื่อง Bi-wire VS Bi-amp ของชาวต่างชาติ เลยได้พบความเห็นแย้ง ที่แตกต่างกับที่สรุปไว้ต้อนต้น อ่านแล้วดูน่าสนใจ เลยเก็บมาฝากกัน
มีท่านหนึ่ง กล่าวว่า :
ความหมายของ Bi-wire จริงๆแล้ว ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า การต่อสายสองชุดไปยังลำโพงของคุณ จาก Amp ตัวเดียว ไม่ได้มีประโยชน์อะไร แค่เปลืองสายเท่านั้น crossovers ในลำโพง ยังคงทำงานเช่นเดิม หรืออย่างมากก็เป็นการขยายช่องทางเดินสัญญาน จากแอมป์ไปยังลำโพงเท่านั้น
แต่ใน Bi-amp นั้น แตกต่างกันอย่างสมบูรณ์ คุณมี amp แต่ละตัว ที่ใช้สำหรับขับ driver แต่ละตัว ดังนั้นคุณจะได้ amp หนึ่งตัวสำปรับขับ tweeters และอีกหนึ่งตัวสำหรับขับ Woofers
อันนี้ผมมองว่าสำหรับท่านที่ชอบทดสอบเล่น ชอบปรับแต่งคงชอบครับ ดูสนุกสนานดี
แต่อ่านไป อ่านมา หลังจากเขียนบทความนี้ ผมคงไปปรับระบบของผม จาก Bi-amp ให้เป็น Bi-wire ครับ เพราะส่วนตัวชอบความเรียบง่าย
สุดท้ายแล้ว จะ Bi-amp หรือ Bi-wire ก็คงเหมาะสำหรับแต่ละท่านครับ ว่าชอบแบบใด เพราะคำว่า ดีที่สุด คือ สิ่งที่ตัวท่านเองพอใจมากที่สุดครับ
ขอบคุณภาพจาก audioforums.com