Marketing = การตลาด และมันคือ สิ่งเดียวเท่านั้น ที่เป็นปัญหากับวงการเกษตร และเกษตรกรไทยเรา
เรื่องนี้ เขียนขึ้นจากความปรารถนาดี จาก FarmKaset.ORG ที่มีต่อเพื่อนๆพี่น้องร่วมวงการเกษตร ในประเทศไทย
ฟาร์มเกษตร หรือ เว็บไซต์ www.FarmKaset.ORG นี้ พยายามอย่างยิ่งที่จะรวบรวมองค์ความรู้ทางด้านเกษตรกรรม จากแหล่งข้อมูลต่างๆ และนำเสนอให้กับผู้ที่มีความสนใจทางด้านเกษตร ซึ่งเกิดจากแนวความคิดที่จะทำงานเพื่อตอบแทนสังคมเกษตร เท่าที่เราจะทำได้ โดยไม่ต้องเป็นภาระค่าใช้จ่ายของเรามากจนเกินไป
ทั้งนี้สิ่งที่เราหวังก็คือ หากเกษตรกร และนักลงทุนทางด้านการเกษตร มีองค์ความรู้เพิ่มขึ้น ได้เห็นแง่มุมต่างๆของผู้ที่ประสบผลสำเร็จ และนำไปเป็นไอเดีย เป็นแบบอย่าง และพัฒนาตนเอง ประสบผลสำเร็จมากขึ้น จะทำให้มีผู้ประกอบกิจการเกษตรที่สำเร็จเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสภาพเศรษฐกิจทางด้านเกษตรดีขึ้น ทางฟาร์มเกษตรก็คงได้ประโยชน์ด้วยในภายหลัง จากการพัฒนาในวงการเกษตร
เราสุดยอดด้านการผลิต แต่ย่ำแย่ด้านการตลาด
เกษตรกรไทย โคตรเก่ง ผลิตสินค้าเกษตรเป็นแนวหน้าของโลก แต่เราแพ้ทางด้านการตลาด ราคาผลผลิตตกต่ำ ขายไม่ได้ราคา มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง
เราจะไม่พูดถึงสาเหตุที่เราควบคุมไม่ได้ อย่างเช่นการทุจริตคอรัปชั่น เพราะเป็นการไปโทษเรื่องอื่น โทษคนอื่น ไม่โทษตัวเอง จะทำให้เราดีขึ้น ทำอะไรไม่สำเร็จ ต้องโทษที่ตัวเองทุกกรณี และต้องแก้ไขที่ตัวเองทุกกรณี
โทษว่า อากาศไม่ดี ดินไม่ดี เราแก้ไม่ได้ อิสราเอล สวิสเซอร์แลนด์ ยิ่งกว่าเรา เขาก็ทำได้
โทษว่า เทคโนโลยี ว่าบ้านเราไม่ดี ไม่พร้อม, เทคโนโลยีที่พร้อม ก็เกิดจากคน เป็นที่เราเอง
โทษว่า ปลูกแล้วจะไปขายใคร ตลาดไม่มี ไม่มีที่ขาย ไม่มีใครรับซื้อ, เราพยายามหาตลาดจริงๆแล้วหรือยัง เราลองทำตลาดแล้วหรือยัง หรือเราลองวิ่งไปเสาะหาแหล่งรับซื้อหรือยัง คนที่ไม่โทษเรื่องนี้ คือคนรวย ที่ประสบผลสำเร็จในเมืองไทย ที่ออกข่าว ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ตามเว็บไซต์ ตามเฟสบุ๊ค เป็นตัวอย่างให้เราดูอย่างต่อเนื่อง
อย่าปฏิญานตนว่าจะทำงานหนัก โดยการขุดดินหลังบ้าน
มีชายผู้หนึ่งไปหาหมอดู และถามว่าทำไมเขาถึงไม่รวยสักที หมอดูตอบว่า ท่านจะรวยมากที่สุด เมื่อท่านทำงานหนักมากที่สุด
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายผู้นี้กลับบ้านไป และบอกกับตัวเองว่า ข้าจะขุดดินบริเวณหลังบ้านนี้ให้ลึกที่สุด โดยทำงานอย่างหนัก หยุดเฉพาะเวลาทานข้าวกับเวลานอนเท่านั้น เขาทำอย่างนั้นผ่านไป ครึ่งปี พบว่าเขาไม่รวยขึ้นเลย ซ้ำยังมีสุขภาพที่ย่ำแย่ จึงคิดได้ว่า โดนหมอดูหลอกเสียแล้ว จึงเลิกล้มความตั้งใจ และหยุดอยู่กับที่เหมือนเดิม
เราขุดดินหลังบ้านอยู่หรือเปล่า?
ลุงท่านหนึ่ง ปลูกผักด้วยความขยันขันแข็ง คุณลุงคิดว่าคุณลุงจะต้องรวยมากๆแน่นอน เพราะลุงขยันกว่าทุกคน มีที่ดินถึง 10 ไร่ ปลูกผักสวยงามเต็มพื้นที่ มีคนมารับซื้อถึงไร่ ลุงขายได้เงินและภูมิใจมาก ลุงตั้งใจว่า จะปลูกให้มากกว่าเดิม ลุงจะได้รวยขึ้นอีก พอถึงเวลามีคนมาซื้อ ผู้ซื้อบอกว่า ตอนนี้ราคาถูกลงนะ ซื้อ 100 กิโลกรัมเท่าเดิม ที่ลุงปลูกเพิ่มน่ะไม่เอา ความต้องการตลาดมีแค่นี้ และ 100 กิโลกรัมนี้ จะจ่ายน้อยลง 20% นะ ราคาไม่ดีเลยช่วงนี้ คุณลุงทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องขายราคาเท่าเดิม ที่ปลูกเกิน ก็ต้องทิ้ง สรุปว่า ทำงานหนักกว่าเดิม แต่ได้เงินน้อยลง
นี่เป็นเพราะ หนึ่งไม่สำรวจความต้องการของตลาด สองไม่ออกไปดูโลกภายนอกเลย.. อย่างนี้เปรียบเทียบได้กับ
การขุดดินหลังบ้าน มาเรื่องของคุณน้าบ้าง คุณน้าท่านหนึ่ง ปลูกผักบนพื้นที่ 1 งาน ได้ผลผลิตดีมากเลย มีคนมาขอรับซื้อให้ราคาดี ก็ดีใจ แต่ก็คิดว่า เขาซื้อไปทั้งหมดเลย แสดงว่าน่าจะเป็นไปตามความต้องการของตลาด คิดจะปลูกเพิ่ม แต่ก็ฉุกคิดขึ้นว่า ถ้าวันนึงเขาไม่ซื้อเราล่ะ จะประกันความเสี่ยงได้อย่างไร
คุณน้าช่างสงสัย เลยเริ่มค้นข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต และเวลาไปซื้อผักซื้อปลาในตลาด ก็ถามแม้ค้าในตลาด ว่าผมปลูกมาส่งแม่ค้าเอาไหม อยากได้ผักอะไรบ้าง ปรากฎว่าแม้ค้ารับซื้อ ก็เลยปลูกตามความต้องการ และถามแม้ค้าคนอื่นๆไปเรื่อยๆ สรุปว่าคุณน้าปลูกผักประมาณ 4-5 ชนิด ส่งให้กับแม้ค้าในตลาดสด สองตลาด กับแม้ค้าประมาณ 7 คน ก็สามารถกระจายความเสี่ยงได้ 7 จุด วันนึงไปพบกับพ่อค้าผักสด ที่กำลังมาส่งผักชนิดอื่นให้แม้ค้า คุยกันก็เลยได้ทราบถึงแหล่งรับซื้อผักขนาดใหญ่เพื่อส่งออก คุณน้าปลูกไม่ไหว ก็เลยเริ่มบอกให้เพื่อนบ้านปลูก และรับซื้อไปส่งตลาดค้าส่ง และขยายกิจการขึ้นเรื่อย จนกลายเป็น ไร่ขนาดใหญ่ และมีลูกไร่ ที่ตนเองรับซื้ออยู่นับร้อยคน
ความสำเร็จนี้ มาจากการทำตลาด โดยสัญชาตญาณ ไม่ได้ไปเรียนมาจากที่ไหน ไม่ต้องเรียนจบสูงก็ทำได้