การใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ ในข้าว อ้อย และมันสำปะหลัง
คุณประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมการข้าว กล่าวต่อไปว่า ในเรื่องของการเตรียมดินที่ดีแล้ว ปัญหาอื่นๆ ก็ลดลง ที่เห็นได้ชัดที่
data-ad-format="autorelaxed">
คุณประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมการข้าว กล่าวต่อไปว่า ในเรื่องของการเตรียมดินที่ดีแล้ว ปัญหาอื่นๆ ก็ลดลง ที่เห็นได้ชัดที่สุดเลยคือ ที่อยุธยา ที่ตำบลลาดงา ที่มีประเด็นปัญหาเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล กรมการข้าวก็เข้าไปดูแล เข้าไปจัดเตรียมแปลงสาธิตในพื้นที่นั้น ซึ่งได้มีการเก็บเกี่ยวไปแล้ว ปรากฏว่า ใน 1 ไร่ ผลผลิตได้ไม่ต่างจากที่หว่านแน่นเกินไป
การเตรียมดินมีผลในเรื่องของศัตรูพืชและวัชพืชในนา วัชพืชต่างๆ เมื่อมีการเตรียมดินดีแล้วเมื่ออยู่ในนาจะไม่มีการแย่งอาหารกับข้าว การใช้ปุ๋ยในอัตราที่เหมาะสม การใช้ปุ๋ยที่มากเกินไป เนื่องจากมีวัชพืชอยู่มันก็จะแซมเข้าไป เพราะสัดส่วนในแปลงที่ไปดูในขณะนั้นมีค่าวัชพืชและมีวัชพืชในนาสูงถึงเกือบ ครึ่งหนึ่งแล้ว ปรากฏว่ามีปัญหาเรื่องเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลทำลาย ทำให้มีการไหม้ของข้าวเป็นหย่อมๆ ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวลดลง ได้แค่เพียง 30% ของที่ประมาณการ อันนี้เราก็เข้าไปทดสอบทดลองให้ชาวบ้านได้เห็นว่ามีความแตกต่าง ผลผลิตไม่ได้ต่าง ผลที่ได้กันอยู่ที่ 736 กิโลกรัม ความชื้น 15% ไม่ต่างกันเลย
การลดต้นทุนในส่วนนี้มีผลของยากำจัดวัชพืชในเรื่องของการวางระบบ การวางแนวการปลูกหลังๆ แต่เดิมก็เป็นเรื่องของนาดำ พอเปลี่ยนเป็นนาหว่าน นาหว่านน้ำตม การที่จะใส่ปุ๋ยเคมีต่างๆ การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน ตรงนี้จะต่อเนื่อง ซึ่ง ศ.ดร. ทัศนีย์ อัตตะนันทน์ จะลงรายละเอียดมากกว่าผม ส่วนผมคงจะพูดถึงการลดต้นทุนการผลิตข้าวนั้นส่วนสำคัญควรจะมีองค์ประกอบอะไร บ้าง
www.FarmKaset.ORG
ลดข้าวดีดได้มากกว่า 70%
ชุดย่อยสลายตอซังฟางข้าว ตรานกอินทรีคู่ ขจัดปัญหาข้าวดีด ข้าวเด้ง ข้าววัชพืช คลิกที่นี่
ปุ๋ยตรานกอินทรีคู่
จากฟาร์มเกษตร ผลิตภัณฑ์ออแกนิกส์ ปลอดสารพิษ ส่งออกไปยังประเทศจีน ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ กาน่า ด้วยเทคโนโลยีการผลิต และความร่วมมือจากนักลงทุนประเทศ ออสเตเลีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย โดยคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และยังมี สสว. องค์กรของภาครัฐร่วมลงทุนอยู่ด้วยประมาณ 15% จึงมันใจได้ว่า ปุ๋ยตรานกอินทรีคู่ มีคุณภาพสูง และเป็นที่ยอมรับในองค์กรชั้นนำ
สนใจติดต่อ คุณปิยะมาศ 089-4599003
หรือ ดูรายการสินค้าและราคาคลิกที่นี่ |
ในเรื่องของปุ๋ยเคมีนั้น เกษตรกรจะพยายามอัดปุ๋ยเข้าไปโดยตลอด ถ้ามันดูไม่ดี เขียวสู้เพื่อนบ้านไม่ได้ มันเหมือนเป็นการวัดเชิงแต่ละแปลงของตำบลนั้น เพราะถ้าแปลงไหนข้าวไม่สวย ก็จะมีการพูดเยาะเย้ย พูดถล่มกันเอง ใครเก่ง ไม่เก่ง
เพราะฉะนั้นการใช้ปุ๋ยจะมากจนเกินไป มากเกินความต้องการ ตรงนี้ก็เหมือนกันว่า ถ้าใส่ปุ๋ยให้ถูกกับช่วงเวลาในปริมาณที่เหมาะสมและเป็นไปตามค่าวิเคราะห์ดิน ใน 1 ไร่ จะมีผลกระทบของเรื่องการลดผลผลิตไม่น้อยกว่า 300 บาท กล่าวคือ ในส่วนเมล็ดพันธุ์ลดลงครึ่งหนึ่ง ราคาไม่ต่ำกว่า 200-300 บาท ปุ๋ยถ้าใช้ให้ถูกต้องก็ลดลงอีก 200-300 บาท การดูแลดินที่ดี ในเรื่องของการกำจัดวัชพืชข้าวต่างๆ ที่อยู่ในนา ในส่วนนี้เมื่อยากำจัดวัชพืชลดลงแล้ว 100 กว่าบาท ในแต่ละไร่เห็นๆ ว่า ใน 4 ขั้นตอน ที่ได้กล่าวมันลดไปใกล้เคียง 1,000 บาท ต่อไร่ แล้ว
ในเรื่องของการเก็บเกี่ยวค่อนข้างมีประเด็นที่เป็นปัญหา โดยเฉพาะภาคกลาง การเก็บเกี่ยวบางครั้งจะเร็วเกินไป เพราะการเก็บเกี่ยวจะใช้รถเก็บเกี่ยวนวด เพราะฉะนั้นมันมีคิวที่จะจ้างรถเกี่ยวเข้าไปในพื้นที่ บางช่วงบางแห่งที่ลงไปใกล้เคียงกับรถเกี่ยวไม่มีการรอคิวกัน การเก็บเกี่ยวถ้าล่าช้าออกไปก็มีผลในเรื่องรถเกี่ยว อัตราข้าวร่วงหล่นบนพื้นค่อนข้างสูง เพราะข้าวแก่จัดเกินไป และการเก็บเกี่ยวในช่วงที่มีความชื้นสูง ก็มีผลกระทบต่อคุณภาพข้าว จะเห็นได้ว่าการรับซื้อ รับจำนำข้าวเปลือกทั้งหมด จะมีปัญหาโต้แย้งกัน ที่สำคัญคือความชื้น ถ้าเก็บเกี่ยวในช่วงฝนความชื้นก็จะสูง ก็จะเป็นปัญหากับโรงสี เพราะโรงสีถ้าซื้อข้าวชื้นๆ ไปเก็บ ข้าวดีๆ ที่มีอยู่ก็พังหมดแน่นอน เพราะฉะนั้นต้องมีการแยก มีการอบความชื้น มีการตาก
ดังนั้น ความเหมาะสมในการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมคือ เกี่ยวระยะพลับพลึง ซึ่งการเกี่ยวตอนนี้จะมีผลของการร่วงหล่นของเมล็ดค่อนข้างน้อย เพราะฉะนั้นในช่วงที่ผมเรียน ขั้นตอนที่เรียนให้ทราบมีส่วนสำคัญในการลดต้นทุนการผลิต หนีไม่พ้นหรอกครับปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีส่วนเกี่ยวพันกันทั้งหมด คราวนี้ลองกลับมาดูว่าในส่วนความก้าวหน้าของหน่วยงานราชการ โดยเฉพาะงานวิจัยของกรมการข้าว ผมเรียนอย่างนี้เลยครับว่า หลายๆ ประเทศเขามองเราในเรื่องการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ของประเทศไทยเรา เขายอมรับในกรณีของเวียดนาม หลายครั้งที่เขาขอพันธุ์ข้าวจากเราไป แต่ตามกฎหมายเราให้เขาไม่ได้ เขาจะใช้พันธุ์ข้าวจากอีรี่ส่วนใหญ่ จากการที่เข้าไปดูพื้นที่ปลูกของเขา ปรากฏว่าเกษตรกรในเวียดนาม สภาพน้ำในชลประทานเขาดีมาก และกว่า 80% จะเป็นผู้หญิง ขยันมากครับ การดูแลแปลงจะสะอาด พันธุ์ข้าวจะสม่ำเสมอ ระบบการชลประทานค่อนข้างดี การเก็บเกี่ยวลานตากก็ตากตามถนน ก็เหมือนกับสมัยก่อนบ้านเราไม่มีลาน ตากมโหฬารตามถนน ตามพื้นที่ว่าง แม้กระทั่งหลังคาที่เป็นสังกะสี เพราะฉะนั้นในพื้นที่ของเขาเอง จากกรณีการปรับปรุงพันธุ์ข้าวของประเทศไทย เวียดนามจะใช้พันธุ์ข้าวที่ดีที่คัดแล้วจากอีรี่เอาไปปลูก เพราะฉะนั้นในพื้นข้าวของเขาจะเป็นพันธุ์ใกล้เคียงกันหมด
ส่วนของไทยเรามีหลากหลายพันธุ์ข้าว โดยเรามีทั้งหมด 16 สายพันธุ์ ที่ได้รับการส่งเสริม และจะมีการปรับเป็น 23 สายพันธุ์ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์จะมีความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ เมื่อผมเข้าไปดูในพื้นที่หลายๆ แห่ง บริเวณแม่โขงเดลต้าซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวใหญ่ของเขา ปรากฏว่าเขามีปัญหามากในเรื่องเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลกับไวรัสที่ทำให้เกิดโรค สตั้น คือโรคแคล็ค เพราะเขาเองเวลาปลูกเหมือนกับเราภาคกลางตอนนี้คือปลูกเสร็จลงต่อ ปลูกเสร็จแล้วลงต่อไม่พักดิน ปัญหาในเรื่องของวงจรอาหารไม่ได้ถูกตัดตอน
เพราะฉะนั้นการระบาดมีผลกระทบในเรื่องผลผลิต โดยเฉพาะทางเวียดนามตอนล่าง ส่วนทางตอนบนเจอปัญหาในเรื่องของอุทกภัย กำหนดพื้นที่ตอนบนสำหรับปลูกข้าวไฮบริดที่ซื้อนำเข้าจากจีน อีกอย่างหนึ่งของเขากันพื้นที่อลอง ปลูกข้าวที่เรียกว่า เวียดนามจัสมินไรซ์ไฟว์เปอร์เซ็นต์โบรกเค็น (Vietnam Jasmine Rice 5 Percent Broken) ก็คือ เขาทำข้าวหอมแข่งกับเรา ผมลองนำข้าวหอมของเวียดนามมาดูและวิเคราะห์ดูซอร์ซ ( SOURCE) ตัวหลักๆ ใหญ่ของ ดีเอ็นเอ บ่งบอกว่า มีส่วนมาจากข้าวหอมมะลิไทย แต่อีรี่เขาไปปรับปรุงกำหนดชื่อพันธุ์ใหม่ว่า อาร์ 841 (R-841) ผมไปดูโรงสีเขาปรากฏว่าเขาปรับปรุงข้าวนี้ไปส่งออกเป็นข้าวหอมแข่งกับเรา แต่ราคาขายของเขาอยู่ที่ 700 เหรียญสหรัฐ ราคาเอเวอร์บี ต่อตัน นำมาหุงหอมเหมือนกัน แต่เมล็ดจะสั้นกว่าเราหน่อย ตลาดส่วนใหญ่ของเขาจะเป็นที่สิงคโปร์กับมาเลเซีย ส่วนที่ฮ่องกงจะนิยมบริโภคข้าวหอมไทย ราคาไม่เกี่ยง ซึ่งขณะนี้มีการส่งข้าวหอมมะลิไปไม่ต่ำกว่า 1.56 ล้านตันข้าวสาร ตลาดใหญ่คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกาบางส่วนเราจะเห็นได้ว่าในเรื่องความจำเป็นในการลดต้นทุนการ ผลิตของชาวนาไทย
เมื่อไปดูสถานการณ์ของต่างประเทศ เขาตั้งเป้าว่าจะชนะไทยให้ได้ เขาไม่หวังจะชนะคนอื่นในเรื่องการส่งออกข้าว ผมไปคุยกับทาง วี. เอฟ. เอ. (Vietnam Food Associations : V.F.A.) เขาให้ข้อมูลว่าสำคัญที่สุดถ้าเขาคว่ำไทยได้ในเรื่องข้าว เขาถือว่าเขาชนะแล้ว เขาบอกว่าเดียนเบียนฟูเขายังชนะได้ ต่อไปเขาจะชนะไทย นี่คือความตั้งใจและเป้าหมายของเขา ปีนี้เขาตั้งเป้าไว้ 5.2 ล้านตันข้าวเปลือก แต่ไปดูแล้วว่าเวียดนามคงขายได้ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ไปดูในสภาพพื้นที่ เพราะฉะนั้นในศักยภาพที่มีอยู่ ทำไมกรมการข้าวและหน่วยงานราชการในกระทรวงเกษตรฯ ถึงเน้นที่จะลดต้นทุนการผลิต เพราะถ้าไม่ลด ท่านจะไปแข่งกับเขาไม่ได้ สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การรับจำนำข้าว จากที่ประมาณการเมื่อเปรียบกับราคาข้าวที่เป็นจริงในท้องตลาดที่มีการซื้อ -ขายกัน ณ วันนี้ คือ 680 บาท ขั้นต่ำ เทียบกับข้าวเปลือกแล้วไม่ควรเกิน 12,000บาท ต่อตัน ในความชื้น 15% ถ้ากำหนดราคาจำนำสูงเกินไปผู้ส่งออกต่างๆ จะต้องซื้อข้าวแพง เมื่อซื้อข้าวแพงไปแล้วการที่จะสร้างตลาดหรือไปแข่งกับคนอื่น ราคาเราสูงกว่าเขาคุณภาพดีกว่าเขาจริง แต่เราไปแข่งกับเขาที่หลายๆ ประเทศที่ซื้อตอนนี้เขามีปัญหาเรื่องค่าเงินเฟ้อ และทุกอย่างก็มีปัญหา
เพราะฉะนั้นปัจจัยสำคัญคือ จุดเริ่มต้นที่วันนี้ทางมติชนจัดสัมมนาขึ้น ผมถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะเกิดการแข่งขันและทำให้เกษตรกรไทยอยู่ได้ ไม่ว่าจะเรื่องข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ถ้าเราไม่ปรับตัวเราเองในเรื่องการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิตให้สูงขื้น โอกาสแข่งขันข้างหน้าจะตีบตัน อย่าลืมว่าทุกอย่างในสินค้าเกษตรมันมีคู่แข่ง จากสถานการณ์ที่ศึกษามาทั้งหมด จากข้อมูลทางสถิติ การเข้าไปดูเว็บไซต์ในพื้นที่ต่างๆ เราจะเห็นได้ว่าศักยภาพในเรื่องข้าวของประเทศไทยในปีหน้ายังดีอยู่หากยัง บริหารจัดการที่ดีในประเทศ เกษตรกรชาวนายังได้ราคาข้าวเปลือกที่คุ้มกับต้นทุนที่ลงไป แต่มันขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการปริมาณข้าวที่มีอยู่ของเราเอง และในส่วนนี้เวียดนามเองเขาเซ็นสัญญาที่จะขายไปทั้งหมด 3.6 ล้านตันข้าวสาร ที่ไปคุยกับเขา เขาตั้งเป้าไว้ 5.02 แต่จริงๆ เวียดนามมีศักยภาพตอนนี้ที่จะส่งไม่เกิน 2.8 เพราะเขาต้องสำรองไว้ในเรื่องภัยธรรมชาติสำหรับทางตอนเหนือ อินเดียเองก็ประกาศในเรื่องข้อกำหนด M.E.P. (Minimum Export Price) ไว้แล้ว ในเรื่องของอียิปต์ลดปริมาณการส่งออกข้าวก็มีผลกระทบในราคาต่ำกว่าทุน ก็คือข้าวที่ญี่ปุ่นซื้อไปในข้อตกลง WTO แล้วมาขายที่ 530-560 เหรียญ ต่อตัน จะมีผลกระทบต่อตลาด
อันนี้ผมถึงเรียนมาเป็นราคาที่เป็นจริง โรงสีอยู่ได้ เกษตรกรอยู่ได้ ผู้ส่งออกก็สามารถอยู่ได้ จุดเริ่มต้นจริงๆ อยู่ที่เกษตรกรที่จะต้องลดต้นทุนตัวเองให้ดีที่สุด ให้ได้มากที่สุด และผลผลิตสูงที่สุดถึงจะมีรายได้ โรงสีเองก็สามารถอยู่ได้ถ้ามีการบริหารจัดการที่ดี ปัจจัยตรงนี้ในอนาคตจะมีส่วนสำคัญ หลังจากนี้ไปในส่วนของปุ๋ยหรืออะไรก็จะมีส่วนผลักดัน โปรแกรมต่างๆ ของธาตุอาหารในดินที่กรมพัฒนาที่ดินนำมาแสดง ท่านสามารถขอดูได้ เวลาท่านอยู่บ้านให้ดูว่าดินในพื้นที่เป็นอย่างไร เจาะดูว่าเป็นอย่างไร มาที่กรมการข้าวก็ได้ ศูนย์วิจัยหรือศูนย์เมล็ดพันธุ์ ส่วนหนึ่งที่สำคัญที่กรมการข้าวจะเข้าไปดูแลคือ พันธุ์ข้าวพื้นเมืองของไทยเราทั้งหมดที่มีอยู่ แล้วคัดสายพันธุ์ที่ดีๆ ไปสู่เกษตรกร เพื่อให้ข้าวที่ดีๆ นั้นกลับคืนสู่ถิ่น ไม่ว่าจะเป็นข้าวสามหยด เหลืองประทิวชุมพร ข้าวเหนียวเขี้ยวงู หอมมะลิในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เราเองคงต้องศึกษารวบรวมไว้ ซึ่งตรงนี้มูลนิธิข้าวไทยร่วมกับกรมวิชาการกับกรมการข้าวทำเป็นการ์ดประวัติ ข้าวไทยทั้งหมด 81 พันธุ์ วิเคราะห์ในเรื่องของคุณค่าทางอาหาร และ ดีเอ็นเอ ซึ่งเรื่องนี้ก็จะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 17 กันยายน 2551 และทรงรับสั่งว่าคนไทยแต่โบราณกินแต่ข้าว ทำไมยังแข็งแรงอยู่ ให้ไปวิเคราะห์ดูว่าข้าวพันธุ์เก่าๆ มีคุณค่าทางอาหารมากมาย
สำหรับวันนี้หัวข้อในการลดต้นทุน การเพิ่มคุณค่าข้าวมาเปรียบเทียบให้ฟัง ผู้ที่จะชนะเราและต้องการส่งออกมากกว่าเราเขาทำอะไรกัน ประเทศอื่นๆ เป็นผู้ปลูก เป็นผู้ส่งออกอยู่แล้ว ทั้งอินเดีย ส่วนจีนเองปีนี้ส่งออกไม่มาก ส่วนปากีสถานจะส่งออกข้าวได้มาก ส่วนกัมพูชาได้รับความช่วยเหลือส่วนหนึ่งจากเวียดนามก็พอจะส่งออกได้บ้าง เขาพูดว่าข้าวของกัมพูชาเป็นข้าวอินทรีย์ เพราะปุ๋ยใช้ไม่เยอะ พื้นที่การปลูกก็ไม่ต่อเนื่อง ผมขออนุญาตจบการสัมมนาในหัวข้อที่กล่าวมาแค่นี้ครับ
ศ.ดร.ทัศนีย์ อัตตะนันทน์ บรรยายถึง "การใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ" ว่าท่านอธิบดีกรมการข้าว ให้ข้อมูลเป็นภาพกว้างในเรื่องการลดต้นทุนในหลายประเด็นแล้ว และได้ให้ข้อมูลในประเด็นสำคัญที่ว่าเวียดนามจะแข่งขันกับไทยเรา เพราะฉะนั้นพวกเราในที่นี้ทุกคนก็มีความคิดเดียวกันว่าจะช่วยเหลือเกษตรกร และเพิ่มผลผลิตข้าวเพื่อนำออกต่างประเทศ เพื่อนำเงินเข้าประเทศสำหรับเรื่องที่จะเล่าให้ฟังในวันนี้จะเป็นปัจจัย หนึ่งในปัจจัยการผลิตข้าว ซึ่งในสมัยก่อนจะดูว่าการใช้ปุ๋ยไม่สำคัญเท่าไร เพราะต้นทุนการใช้ปุ๋ยนั้นเพียงแค่ 20% ของต้นทุนการผลิตข้าวทั้งหมด แต่ปัจจุบันราคาปุ๋ยเคมีราคาแพงขึ้น 2-3 เท่าตัว เพราะฉะนั้นปัจจัยในเรื่องปุ๋ยจึงมีความสำคัญมากเลย สมัยก่อนเกษตรกรใส่ปุ๋ยโดยการหว่านๆ ลงไป เพราะราคาถูก แต่เดี๋ยวนี้ทำอย่างนั้นไม่ได้แล้ว ดิฉันได้บอกเกษตรกรเวลาออกต่างจังหวัดว่าปุ๋ยแต่ละเม็ดที่จะใส่ลงไป จะต้องคิดให้ดีก่อนเลยว่า เราจะใช้ให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร นั่นก็คือ ที่มาของปุ๋ยสั่งตัด ปุ๋ยสั่งตัดคืออะไร มีคนเข้ามาบอกว่า อาจารย์ขอปุ๋ยสั่งตัดของพืชชนิดนี้ ตัวปุ๋ยให้พืชชนิดนี้ ดังนั้น เพื่อให้ง่ายสำหรับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในวงการเกษตรกรว่าปุ๋ยสั่งตัดหมายถึง การเปรียบเทียบการใส่เสื้อผ้า ก็จะเล่าให้ฟังว่า เวลาจะใส่เสื้อผ้าใหม่สักตัวเมื่อเราไปที่ห้างสรรพสินค้า เราก็ไปซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่มีขนาดเดียว อ้วน ผอม สูง ต่ำ ก็จะใช้ขนาดนั้น เราเรียกว่าเสื้อโหล
เพราะฉะนั้นก็มาเปรียบเทียบกับการใช้ปุ๋ยว่า ถ้าจะใส่ปุ๋ยปลูกข้าว ปลูกข้าวโพด ให้ใส่ 16-20-0 ต่อ 25 กิโลกรัม ต่อไร่ โดยไม่ต้องทำอะไรเลย นั่นคือ ปุ๋ยเสื้อโหล แต่ถ้าซื้อเสื้อโหลมาใส่แล้วต้องการให้ดีขึ้นมาหน่อย มีขนาด S/M/L ดินนี้ก็ยังเป็นเสื้อโหล เพราะผลิตไว้จำนวนมากและผลิตไว้ล่วงหน้าแล้วก็ยังเป็นปุ๋ยเสื้อโหลอยู่ แต่เป็นเสื้อโหลที่มีเกรดดีขึ้นมาหน่อย ก็เปรียบเทียบกับการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน ซึ่งปัจจุบันหน่วยงานราชการที่ยังให้ทำอยู่ก็คือ ให้เกษตรกรเอาดินมาวิเคราะห์ แล้วให้คำแนะนำปุ๋ย ซึ่งคำแนะนำนั้นให้ใช้กับทุกดินก็ยังเป็นเสื้อโหลอยู่ แต่เป็นเกรดดี เพราะมีการวิเคราะห์ดิน คราวนี้ปุ๋ยสั่งตัดก็คือ การที่ใส่เสื้อผ้าสั่งตัด เพราะหากเราต้องการใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม ฟิต ให้เท่ เราก็ต้องไปสั่งตัดก็จะพอดีตัว เพราะฉะนั้นการใช้ปุ๋ยสั่งตัดก็คือการใช้ปุ๋ยให้ตรงกับชนิดของดิน ตรงกับค่าวิเคราะห์ดิน ตรงกับสภาพภูมิอากาศ เฉพาะดินของเกษตรกรแปลงนั้นๆ ไม่เหมือนกับเกษตรกรแปลงอื่นที่อยู่ใกล้กัน ถึงแม้จะเป็นดินชนิดเดียวกัน ซึ่งมีการจัดการดินที่ไม่เหมือนกัน
ดังนั้น การใช้ปุ๋ยสั่งตัดคือ การใช้ปุ๋ยตามชุดดินและค่าวิเคราะห์ดินปัจจุบัน และขอเน้นว่าเป็นการวิเคราะห์ที่เป็นปัจจุบัน ตอนนี้มีหลายคน โดยเฉพาะนักศึกษาของดิฉันไม่เข้าใจ ก็ไปเอารายงานการสำรวจดินของกรมพัฒนาที่ดินที่วิเคราะห์ไว้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว มีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมเท่าไร และนำตัวเลขดังกล่าวมาแนะนำปุ๋ย ซึ่งไม่ใช่นะคะ การวิเคราะห์ดินต้องปัจจุบัน คือวิเคราะห์ก่อนที่จะปลูกพืชในฤดูนั้นๆ และขอเน้นตรงนี้ว่าปุ๋ยสั่งตัดเป็นปุ๋ยที่ใช้ตามชนิดของดินและค่าวิเคราะห์ ดินปัจจุบันให้ตรงกับชนิดพืชและภูมิอากาศ ภูมิอากาศก็คือน้ำฝน แสงแดด อุณหภูมิ ซึ่งจะไม่เหมือนกันในแต่ละพื้นที่
เพราะ ฉะนั้นจุดเด่นของปุ๋ยสั่งตัดคือเป็นคำแนะนำปุ๋ยที่ละเอียดและมีประสิทธิภาพ เป็นคำแนะนำปุ๋ยเฉพาะพื้นที่ เฉพาะดินของเกษตรกรและผู้แนะนำคือ เกษตรกร
อ่านเรื่องนี้แล้ว : 45396 คน
£
ความคิดเห็นจากผู้อ่าน:
วิรัตน์[email protected]หจก. พรจันทร์มาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป
จำหน่ายปุ๋ยปลาปุ๋ยอินทรีย์น้ำ ตราชาวประมง
ปุ๋ยปลา คือ ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็น สารละลายเข้มข้น ที่ได้จากปลาสดโดยกระบวนการหมักซึ่งมีกลุ่มจุลินทรีย์ช่วยย่อยสลาย มีธาตุอาหารหลักและรองครบตามที่พืชต้องการ
วัตถุดิบ
ปลาสดจากทะเล : ให้ ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก แก่ต้นพืช
ส่าเหล้า : สารอินทรีย์ และ อนินทรีย์ มีสีน้ำตาลเข้ม และมีธาตุอาหาร N: P: K ซึ่งเป็นสารอาหารที่พืชต้องการ
จุลลินทรีย์ : สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า เป็นตัวกลางช่วยเร่งปฏิกิริยาการดูดซึมธาตุอาหารของพืชได้เร็วขึ้น
ใช้ได้กับทุกชนิดพืช ไม้ผล,ไม้ดอก-ไม้ประดับ,พืชสวน,พืชไร่,พืชผัก,นาข้าว,โรงเพาะเห็ด,หัวเชื้อในการทำปุ๋ยหมักแห้ง, ปาล์มน้ำมัน, ยางพารา
ประโยชน์ของปุ๋ยปลาตราชาวประมง
- ปรับสภาพดินและฟื้นฟูสภาพดินที่เสื่อมโทรมจากการทำเกษตกรรมมายาวนาน และจากการใช้ปุ๋ยเคมีที่เกินขนาด ช่วยให้ดินโปรง ร่วนซุย
- ปรับความเป็นกรด-ด่างในดิน สร้างความต้านทานโรครากเน่าโคนเน่า
- ช่วยเปิดรากพืชเสริมการดูดซึมธาตุอาหารแก่พืช
- เพิ่มความเขียวสดเป็นมันวาวให้ไม้ใบ ยืดอายุการบานของไม้ดอก
- มีกลิ่นและสารช่วยไล่แมลง พวกแทนนิน ลิกนิน
มีจำหน่ายขนาด 1 ลิตร 20 ลิตร มีทั้งราคาส่งและปลีก
อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อมานะครับ ขอบคุณครับ
ภาคใต้ ติดต่อ คุณกัญญา สารแก้ว อ.หลังสวน จ.ชุมพร โทร 077-541347’544473
หรือ คุณสามารถ แสงจันทร์ โทร 0831062524
ภาคอิสาน กรุงเทพฯและปริมณฑล ติดต่อ คุณโกรัน คำโสภา 0819794783
http://www.paknamlangsuan.com/forum/index.php?board=25.0
พร้อมจัดส่ง
เราขอเสนอขายปุ๋ยปลาเพื่อเป็นหัวเชื้อในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์แห้ง และรับผลิตปุ๋ยปลาตามสูตรของท่าน ในราคาต่ำ และเรายังมีสูตรพิเศษโดยผสมไคโตซานอีกด้วย สนใจติดต่อฝ่ายขาย คุณ สามารถ แสงจันทร์ 0831062524
28 ต.ค. 2552 , 11:57 PM e0 ชอบ | | | 0 ไม่ชอบ |