การจัดการผลไม้

"กรมส่งเสริมสหกรณ์"...กับการจัดการผลไม้ เดือนพฤษภาคม นับเป็นเดือนแห่งฤดูกาลผลไม้ เริ่มมีผลไม้หลากหลายชนิดวางจำหน่ายให้ผู้บริโภคได้ซื้อหาไปลิ้มลองรสชาติ โดยเฉพาะมังคุด เงาะ ทุเรียน ลองกอง จากการประเมินสถานการณ์ผลผลิตในปีนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รายงานผลสำรวจข้อมูลเบื้องต้นคาดว่าผลผลิตจะมีปริมาณลดลงเนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน มีฝนหลงฤดูในช่วงปลายเดือนธันวาคม-มกราคม ทำให้ดอกร่วง สลัดลูกทิ้งค่อนข้างมาก ซึ่งผลไม้ทั้ง 4 ชนิดนี้ได้ทยอยออกผลผลิตตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และคาดว่าผลผลิตกว่า 40% จะออกกระจุกตัวสูงสุดในช่วงปลายดือนพฤษภาคม 2555 นี้

เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่ดำเนินธุรกิจรวบรวมผลไม้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ จัดทำ โครงการบริหารจัดการตลาดผลไม้ของสถาบันเกษตรกร โดยมุ่งเน้นให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกสถาบันเกษตรกรผลิตผลไม้ที่มีคุณภาพ เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผลไม้คุณภาพที่มีความปลอดภัย และพัฒนาระบบการบริหารธุรกิจการตลาดผลไม้ของสถาบันเกษตรกร เพื่อสร้างโอกาส รักษาและขยายตลาดผลไม้ได้อย่างเข้มแข็ง

ปัจจุบันมีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่ดำเนินธุรกิจรวบรวมและจำหน่ายผลไม้ทั้งสิ้น 90 แห่ง กระจายอยู่ในภาคต่าง ๆ 18 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน น่าน พะเยา ลำปาง แพร่ กำแพงเพชร ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ยะลา ปัตตานีและ นราธิวาส ซึ่งขณะนี้สถาบันเกษตรกรได้รวบรวมผลไม้ อาทิ มะม่วง มะไฟ สละ มังคุด เงาะ ลองกอง และทุเรียน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2554 ปริมาณทั้งสิ้น 2,315 ตัน คิดเป็นมูลค่า 84.03 ล้านบาท

ทุก ๆ ปี กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการธุรกิจผลไม้และสร้างความเข้าใจถึงวิธีการผลิตผลไม้คุณภาพตามความต้องการของตลาดเพื่อกระตุ้นให้สมาชิกสหกรณ์ได้เห็นถึงความสำคัญในการพัฒนากระบวนการผลิตผลไม้ให้ได้มาตรฐาน ซึ่งจะส่งผลต่อการขยายตลาด รวมถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลผลิตและการยอมรับจากผู้บริโภค ซึ่งการประชุมดังกล่าวจะเชิญตัวแทนจากสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่ดำเนินธุรกิจรวบรวมผลไม้ทั่วประเทศ เข้ารับการถ่ายทอดความรู้และระดมความคิดแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อนำความรู้กลับไปปรับใช้เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจรวบรวมและผลิตผลไม้คุณภาพ

แม้ว่าแนวโน้มผลไม้ปีนี้จะมีปริมาณลดลง แต่เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ผลไม้ล้นตลาด กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงได้จัดสรรเงินจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์วงเงิน 200 ล้านบาท ให้สหกรณ์ได้กู้ยืมไปเป็นทุนหมุนเวียนเพื่อรับซื้อผลผลิตจากสมาชิก คาดว่าในปีนี้จะสามารถรวบรวมผลผลิตได้ไม่น้อยกว่า 30,000 ตัน ซึ่งเป้าหมายของตลาดรองรับผลไม้ของสหกรณ์จะจำหน่ายให้กับห้าง Modern Trade จำนวน 10,000 ตัน ผู้ส่งออก จำนวน 10,000 ตัน พ่อค้าในประเทศ 8,000 ตัน และเครือข่ายสหกรณ์ในจังหวัดต่าง ๆ 2,000 ตัน

การจะรักษาตลาดผลไม้ของสหกรณ์ให้มีความมั่นคงนั้น สหกรณ์ควรศึกษาถึงทิศทางตลาดผลไม้ เพื่อพิจารณาถึงความต้องการของผู้บริโภค แล้วนำมากำหนดเป้าหมายในการผลิต และชาวสวนผลไม้ควรหันมาให้ความสำคัญในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตผลไม้ที่มีคุณภาพปลอดภัยต่อผู้บริโภค เพราะหากผลผลิตดีมีคุณภาพ ย่อมส่งผลต่อความมั่นคงและเสถียรภาพในด้านราคาด้วย

แนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคยังมีความต้องการผลไม้ที่มีคุณภาพและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนั้น สหกรณ์ควรมีบทบาทในการยกช่วยระดับทั้งในด้านคุณภาพและราคาผลผลิตให้แก่เกษตรกร โดยเริ่มตั้งแต่การให้ความรู้แก่เกษตรกรในเรื่องการปรับปรุงการผลิต ผลไม้ให้ได้มาตรฐาน การวางระบบการจัดการผลผลิตก่อนและหลังเก็บเกี่ยว จนถึงการรวบรวมและการบรรจุหีบห่อ ซึ่งจะช่วยยกระดับราคาผลผลิตให้สูงขึ้น สามารถสร้างรายได้กลับคืนสู่สหกรณ์และสมาชิก ด้วยเชื่อมั่นว่าระบบสหกรณ์จะมีส่วนสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำให้ดีขึ้น และสามารถรักษาเสถียรภาพได้อย่างยั่งยืน.
อ้างอิง:www.dailynews.co.th

ส่งความคิดเห็น