data-ad-format="autorelaxed">
กรมส่งเสริมการเกษตรเจาะพื้นที่ภาคอีสานดึงข้าวเข้าโครงการรับจำนำ ชี้อุทกภัยลามหนักฉุดผลผลิตทั่วประเทศวูบ เตรียมแจกต้นกล้าพืชระยะสั้นฟื้นฟูเกษตรกรหลังน้ำลด
นางพรรณพิมล ชัญญานุวัตร อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยกับศูนย์ข่าวเพื่อชุมชน สำนักข่าวอิศรา ถึงความคืบหน้าการเปิดรับจำนำข้าว ว่าขณะนี้มีตัวเลขการขึ้นทะเบียนเกษตรกรทั่วประเทศจำนวน 3,390,000 ราย โดยกรมส่งเสริมฯเร่งทำประชาคมไปแล้วกว่า 2,000,000 ราย และได้มีการออกใบอนุญาตแล้วจำนวนกว่า 1,500,000 ใบ
ซึ่งพื้นที่ที่วางเป้าหมายทั่วประเทศ แต่ประสบปัญหาอุทกภัยจึงเน้นไปที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะไม่มีปัญหาน้ำท่วม เกษตรกรจะเก็บเกี่ยวผลผลิตภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วนพื้นที่ภาคกลางก็มีการออกใบรับรองไปแล้วจำนวน 133,000 ใบจาก 137,000 ใบ แต่ในภาพรวมคาดว่าจำนวนข้าวที่จะร่วมโครงการจำนำกับรัฐบาลลดลงกว่าที่ตั้งเป้าหมายอย่างแน่นอน เนื่องจากพื้นที่การเกษตรส่วนใหญ่ถูกน้ำท่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า โรงสีที่ยื่นความจำนง
เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวกับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) มีทั้งหมด 21 จังหวัดจำนวน 160 โรง แบ่งเป็นภาคเหนือ 3 จังหวัดจำนวน 40 โรง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัดจำนวน 55 โรง ภาคตะวันออก 3 จังหวัดจำนวน 4 โรง และภาคกลาง 10 จังหวัดจำนวน 61 โรง
ขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์เบื้องต้นว่าน่าจะมีผลผลิตข้าวเสียหายจากอุทกภัยประมาณ 540,000 ตันข้าวเปลือก มูลค่าข้าวเสียหายประมาณ 3,400 ล้านบาท ส่งผลให้ผลผลิตข้าวนาปี 2554/2555 นี้ลดลงเหลือประมาณ 24.46 ล้านตันข้าวเปลือก จากเดิมที่คาดว่าจะมีผลผลิต 25 ล้านตันข้าวเปลือกเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ยังกล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ถูกน้ำท่วม ว่ากรมได้เตรียมแผนฟื้นฟูหลังน้ำลดระยะสั้นด้วยการเตรียมพืชเกษตรที่ใช้ระยะเวลาเพาะปลูกสั้น ได้ผลเร็ว เช่น มะละกอ โหระพา มะเขือไว้แจกจ่ายให้เกษตรกรจำนวน 1 ล้านต้น เพื่อให้เกษตรกรนำไปปลูกเพื่อไว้จำหน่ายในช่วงฟื้นฟูตัวเอง ส่วนภาคสังคมเมืองก็จะมีการส่งเสริมการปลูกพืชในกระถางหรือบนหลังคาสำหรับใช้รับประทานในครัวเรือน คาดว่าภายในวันที่ 15 พ.ย.จะสามารถแจกจ่ายได้ทั้งหมด ขณะที่ระยะยาวได้เตรียมพืชจำพวกมะละกอ กล้วยจำนวน 1,000,000 ต้นไว้แจกจ่ายเกษตรกรด้วย.
อ้างอิง : http://isranews.org/