เร่งปลดล็อคส่งพืชสวนไทยไปอินโดฯ

เร่งปลดล็อคส่งพืชสวนไทยไปอินโดฯ กระทรวงเกษตรฯเร่งเจรจาแก้ไขปัญหาการส่งออกพืชสวนไทย ทั้งหอมแดง ลำไยและทุเรียนไปอินโดฯ คาดปลายเดือนเริ่มส่งออกได้ น.ส.ดุจเดือน ศศะนาวิน รองผู้อำนวยการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช) เปิดเผยว่า ตามที่นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รมว.เกษตรและสหกรณ์ มอบหมายนายชลิต ดำรงศักดิ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรฯเป็นหัวหน้าคณะ ร่วมกับ มกอช. กรมวิชาการเกษตร รวมทั้งผู้อำนวยการสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศประจำกรุงจาการ์ตาประเทศอินโดนีเซีย เดินทางไปเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาการส่งออกสินค้า การหารือเป็นไปอย่างฉันท์มิตร และมีความคืบหน้า โดยการจัดสรรปริมาณการนำเข้าสินค้าหอมแดง ลำไย และทุเรียนของไทย

ฝ่ายไทยได้สอบถามความชัดเจนจากกระทรวงเกษตรของอินโดนีเซียในการพิจารณาจัดสรรปริมาณการนำเข้า (โควต้า) สินค้า 3 รายการของไทย ขณะนี้ยังไม่สามารถส่งออกไปยังอินโดนีเซียได้ แม้ว่าหอมแดงและลำไยจะมีการยื่นขอใบแนะนำการนำเข้าหรือใบ RIPH ไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการพิจารณาการนำเข้าในช่วง 6 เดือนแรกของปี2556(ม.ค. – มิ.ย.) ขณะที่ทุเรียน ยังไม่ได้อยู่ในรายการขอใบ RIPH ซึ่งอินโดนีเซียชี้แจงว่า หากสินค้าพืชสวนรายการใดมีผลผลิตไม่ตรงกับฤดูกาลผลิตของอินโดนีเซีย จะไม่มีปัญหาในการพิจารณาการจัดสรรการนำเข้า เช่น ลำไย หอมแดง

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เป็นช่วงฤดูกาลทุเรียนของอินโดนีเซียซึ่งมีผลผลิตออกสู่ตลาดมาก (ธ.ค.-เม.ย.) จึงไม่สามารถพิจารณาการนำเข้าสินค้าทุเรียนในช่วง 6เดือนแรก และจะพิจารณานำเข้าทุเรียนอีกครั้งในช่วง6เดือนหลัง (ก.ค.-ธ.ค.) ทั้งนี้ ประเทศไทยสามารถส่งทุเรียนแช่แข็ง ทุเรียนอบแห้งที่ผ่านการแปรรูป หรือทุเรียนสดที่นำมาเป็นวัตถุดิบ ในโรงงานแปรรูปมายังอินโดนีเซียได้ โดยจะต้องระบุรายชื่อโรงงานแปรรูปในอินโดนีเซียให้ชัดเจน

ในส่วนของหอมแดงและลำไยนั้น คาดว่าจะประกาศผลการจัดสรรปริมาณนำเข้าภายใน2 สัปดาห์ ปริมาณการจัดสรรทั้งปีจะยึดสถิติการนำเข้าย้อนหลัง 5ปีที่ผ่านมาเป็นฐาน โดยฝ่ายไทยได้ขอให้อินโดนีเซียพิจารณาการนำเข้าสินค้าพืชสวนจากไทยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลำไยและหอมแดง ซึ่งไม่กระทบเกษตรกรอินโดนีเซีย

ทั้งนี้ มกอช. ได้คำนวณสถิติแล้วคาดว่าจะได้จัดสรรปริมาณนำเข้าผลไม้ไทยทั้งปีนี้ ประมาณ 73,000 ตัน ทุเรียน 24,000 ตัน หอมแดง 23,000 – 40,000ตัน นอกจากนี้ ได้รับทราบข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการจากผู้นำเข้าแจ้งว่าในช่วง 6 เดือนแรก ปริมาณโควต้าหอมแดงสำหรับทุกประเทศ ที่ส่งออกไปอินโดนีเซีย (ไทย ฟิลิปปินส์ พม่า อินเดีย) รวมกัน 60,000 ตัน ซึ่งครอบคลุมปริมาณการส่งออกหอมแดงจากไทยไปอินโดนีเซียซึ่งมีปริมาณปีละ 20,000 – 30,000 ตัน ดังนั้นหอมแดงไทยจึง ไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากมาตรการแล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับราคาที่จะแข่งขันกับประเทศคู่แข่งอื่นๆ ด้วย

ส่วนลำไยจะได้รับโควต้า 6เดือนแรก 25,000 ตัน ซึ่งทั้งหมดเป็นของไทย และที่เหลืออีกประมาณ 50,000 ตัน จะได้ช่วง6 เดือนหลังซึ่งเข้าฤดูกาลลำไยของไทยพอดี ​ ถึงแม้ว่าปริมาณจัดสรรลำไยที่ได้รับนี้จะต่ำกว่าปริมาณ การส่งออกของไทยในปีล่าสุดที่สามารถส่งออกได้เกินแสนตัน แต่ก็อยู่ในระดับ เกิน 60 % และมากกว่าที่ผู้นำเข้าคาดการณ์ไว้เดิมว่าน่าจะได้เพียง 10-30 %

"​คาดว่าหลังจากที่กระทรวงเกษตรออกใบ RIPH ให้แล้วผู้นำเข้าต้องยืนใบอนุญาตนำเข้า ที่กระทรวงการค้า ใช้เวลาไม่เกิน 5 วัน ประมาณสัปดาห์ที่ 3 หรือปลายเดือนนี้น่าจะส่งออกได้"น.ส.ดุจเดือน กล่าว..

อ้างอิง:www.dailynews.co.th

ส่งความคิดเห็น