ปิดอ่าวไทย 3 เดือน ให้สัตว์น้ำขยายพันธุ์

ปิดอ่าวไทย 3 เดือน ให้สัตว์น้ำขยายพันธุ์ รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งว่า ทางกรมประมงเตรียมจัดพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ ในฤดูปลาที่มีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวในวัยอ่อน ฝั่งทะเลอ่าวไทย ประจำปี 2556 ในระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์–15 พฤษภาคม 2556 รวม 3 เดือน พื้นที่ประมาณ 26,400 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี โดยกำหนดห้ามใช้เครื่องมือทำการประมงบางชนิด ที่อาจส่งผลต่อการแพร่ขยายพันธุ์ของพ่อแม่พันธุ์และสัตว์น้ำวัยอ่อนในท้องทะเลอ่าวไทย โดยเฉพาะ “ปลาทู” ซึ่งเป็นสัตว์น้ำที่มีคุณค่าและความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศที่จำเป็นจะต้องดูแลรักษาทรัพยากรเหล่านี้ให้มีอยู่อย่างยั่งยืน ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงวันที่ 24 มกราคม 2550 หากมีชาวประมงรายใดฝ่าฝืนใช้เครื่องมือต้องห้ามทำการประมงในพื้นที่ที่ได้ประกาศปิดอ่าว ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ ห้าพันบาท ถึง หนึ่งหมื่นบาท หรือ จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือทั้งปรับทั้งจำ

ทั้งนี้จากข้อมูลการศึกษาวิจัยยังคงพบว่าช่วงระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 15 พฤษภาคมของทุกปี ในท้องทะเลบางส่วน ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี ยังคงเป็นช่วงเวลาที่พ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำมีความสมบูรณ์เพศสูงและพร้อมที่จะวางไข่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาทูที่อาศัยอยู่บริเวณอ่าวไทยตอนในจะมีการอพยพย้ายถิ่นในช่วงเดือนธันวาคม–มกราคม

แต่เหตุที่พบว่าขนาดปลาทูที่จับได้ช่วงหลังมาตรการปิดอ่าวยังคงมีขนาดเล็กนั้น คาดว่าจะเป็นลูกปลาทูที่เกิดในระหว่างมาตรการปิดอ่าว ซึ่งเป็นผลจากการห้ามเครื่องมือที่มีศักยภาพสูงทำการประมง แม่พันธุ์ปลาทูจึงมีโอกาสวางไข่และฟักเป็นปลาทูรุ่นถัดมา เข้ามาทดแทนในข่ายการประมง ดังเห็นได้จากการเก็บข้อมูลจำนวนประชากรสัตว์น้ำในช่วงหลังฤดูกาลปิดอ่าว เมื่อปีที่ผ่านมา พบว่ามีความชุกชุมของสัตว์น้ำเพิ่มขึ้นก่อนปิดอ่าว 2.34 เท่า โดยเฉพาะผลผลิตปลาทูแต่ละปีหลังจากปิดอ่าวนั้นจะได้ผลผลิตปีละไม่ต่ำกว่า 60,000 ตัน ซึ่งหากปล่อยให้ปลาทูมีขนาดใหญ่จะได้ผลตอบแทนเชิงปริมาณสูงกว่าในปัจจุบัน จึงแสดงให้เห็นว่ามาตรการดังกล่าวนี้สามารถสร้างความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำในท้องทะเลให้คืนกลับมาได้อย่างยั่งยืน ส่งผลให้ชาวประมงมีรายได้ในการประกอบอาชีพได้อย่างดี อีกทั้งประชาชนคนไทยได้มีสัตว์น้ำบริโภคตลอดไป.

อ้างอิง:www.dailynews.co.th

ส่งความคิดเห็น