ระดมหน่วยฝนหลวง ช่วยเหลือพื้นที่ภัยแล้ง

ระดมหน่วยฝนหลวง ช่วยเหลือพื้นที่ภัยแล้ง จากสถานการณ์ภัยแล้งอันเนื่องมาจากฝนทิ้งช่วงเป็นระยะ ๆ มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมจนถึงปัจจุบันส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนแทบทุกหย่อมหญ้า ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก หรือแม้แต่ภาคใต้บางส่วนก็ได้รับผลกระทบนี้ไม่น้อยเช่นกัน

นายวราวุธ ขันติยานันท์ ผู้อำนวยการสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเรามีการทำฝนหลวงช่วยเหลือเกษตรกรมาโดยตลอด ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูการเพาะปลูกมาจนถึงปัจจุบัน เราจึงได้จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงในทุกภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทั่วประเทศรวม 11 หน่วย ได้แก่ ภาคเหนือ 2 หน่วย ที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดพิษณุโลก ภาคกลาง 2 หน่วย ที่จังหวัดลพบุรี และกาญจนบุรี โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ระดมหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเพิ่มเป็น 4 หน่วย ที่จังหวัดอุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา และอุบลราชธานี ภาคตะวันออก มี 1 หน่วย ที่จังหวัดระยอง และภาคใต้ 2 หน่วย ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และประจวบคีรีขันธ์ โดยมีเครื่องบินร่วมปฏิบัติการทั้งสิ้น 24 ลำ แบ่งเป็นเครื่องบินของสำนักฝนหลวงฯ กระทรวงเกษตรฯ 20 ลำ และเครื่องบินที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศ 4 ลำ นอกจากนี้ยังมีมาตรการตั้งฐานเติมสารฝนหลวงเสริมที่จังหวัดต่าง ๆ ที่อยู่ห่างไกลจากที่ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงตามความเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา เพื่อให้รัศมีทำการบินไปช่วยเหลือจังหวัดต่าง ๆ ได้ไกลขึ้น โดยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการบินขึ้นลงเติมสารฝนหลวง เช่น ปัจจุบันมีฐานเติมสารฝนหลวง 4 แห่ง ที่จังหวัดนครสวรรค์ บุรีรัมย์ สระแก้ว และสุราษฎร์ธานี

นายวราวุธ กล่าวว่า การระดมปฏิบัติการฝนหลวงในช่วงตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ตามนโยบายของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำให้มีฝนตกกระจายเพิ่มมากขึ้นในทุกพื้นที่ ทั้งในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน ส่งผลให้พืชผลทางการเกษตรในหลายจังหวัดสามารถประคองตัวรอดพ้นความเสียหายมาได้ และฝนที่ตกลงสู่พื้นที่ป่าพรุควนเคร็งในช่วงที่มีการเพิ่มจำนวนเครื่องบินให้หน่วยฝนหลวงจังหวัดนครศรีธรรมราช ทำให้ปัญหาความรุนแรงของไฟป่าที่เกินกำลังการควบคุมของหน่วยงานภาคพื้นดินได้บรรเทาเบาบางลงจนสามารถควบคุมได้แล้วในปัจจุบัน สำหรับแผนปฏิบัติการฝนหลวงในช่วงเดือนกันยายนนี้ เนื่องจากร่องความกดอากาศต่ำจะเริ่มเลื่อนลงมาพาดผ่านตอนบนของประเทศ ซึ่งจะเอื้ออำนวยให้การปฏิบัติการฝนหลวงมีประสิทธิภาพในการกระจายการตกของฝนได้มากขึ้น จึงจะเริ่มเน้นปฏิบัติการเติมน้ำให้กับเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ที่ยังมีปริมาณเก็บกักอยู่ในเกณฑ์ต่ำ เพื่อให้มีปริมาณน้ำเก็บกักเพียงพอต่อการดูแลช่วยเหลือการเพาะปลูกพืชในช่วงฤดูแล้งของปีหน้า รวมไปถึงแหล่งเก็บกักน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภค โดยเฉพาะในภาคตะวันออกอีกด้วย

...เพื่อเตรียมความพร้อมในการเผชิญปัญหาขาดแคลนทรัพยากรน้ำของประเทศในอนาคต หน่วยฝนหลวงทั้ง 11 หน่วย จะยังคงยืนหยัดปฏิบัติการช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนผู้ใช้น้ำต่อไปจนถึงประมาณกลางเดือนตุลาคม หรือจนกว่าปริมาณความชื้นในอากาศจะลดต่ำลงจนไม่เพียงพอต่อการทำฝนหลวงเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว.

อ้างอิง:www.dailynews.co.th

ส่งความคิดเห็น