data-ad-format="autorelaxed">
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสม‘พันธุ์นครสวรรค์2’ ทางเลือกใหม่เกษตกร
-ปัจจุบันอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์ของไทยได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การใช้ผลผลิต
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ซึ่งมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 ต่อปี แต่พื้นที่ปลูก
ข้าวโพดยังมีแนวโน้มคงที่ประมาณ 7.5 ล้านไร่ต่อปี ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเพิ่มการผลิต
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ ซึ่งการใช้เมล็ดพันธุ์ “
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสม” และ เทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสม เป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการผลิตให้ได้ปริมาณมากขึ้น
ขณะนี้เกษตรกรร้อยละ 95 ของพื้นที่ปลูกทั้งหมด ใช้เมล็ดพันธุ์
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมที่มีราคาแพง กิโลกรัมละ 80-120 บาท และส่วนใหญ่อ่อนแอต่อ โรคราน้ำค้าง ซึ่งเป็นโรคสำคัญ บางครั้งเกษตรกรไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เมื่อมีการระบาดรุนแรง ดังนั้น ก่อนปลูกจำเป็นต้องคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารเคมีเมทาแลคซิลที่มีราคาแพงเพื่อป้องกันโรค
จากรายงานการสำรวจพบว่า เชื้อโรคราน้ำค้างในบางจังหวัด เช่น อุทัยธานี กาญจนบุรี มีความทนทานและดื้อต่อสารเคมีเมทาแลคซิล ดังนั้น ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ กรมวิชาการเกษตร จึงเร่งดำเนินการวิจัย พัฒนาและปรับปรุง พันธุ์
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสม จนกระทั่งได้พันธุ์ที่สามารถต้านทานโรคราน้ำค้าง และให้ผลผลิตสูง ชื่อ “พันธุ์นครสวรรค์ 2” เพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับเกษตรกรผู้ปลูก
ข้าวโพดทั่วประเทศ
นายพิเชษฐ์ กรุดลอยมา นักวิชาการเกษตร 7 ว. ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ กรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นหนึ่งในนักวิจัยที่ได้ปรับปรุงพันธุ์
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 2 กล่าวว่า เดิม
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นี้มีชื่อรหัส “เอ็นเอสเอ็กซ์ 022031” (NSX 022031) เป็น
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมเดี่ยว เกิดจากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่าง
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้พันธุ์ตากฟ้า 1 (พันธุ์แม่) กับ
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้พันธุ์ตากฟ้า 2 (พันธุ์พ่อ) ได้เป็น
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 2 ซึ่งให้ผลผลิตสูง เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 1,110 กิโลกรัมต่อไร่ อีกทั้งยังสามารถต้านทานโรคราน้ำค้างในสภาพการปลูกเชื้อได้ดีมาก
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 2 มีลักษณะประจำพันธุ์ คือ ต้นกล้ามีลำต้นสีม่วง ขนาดใหญ่ ระบบรากแข็งแรง ความสูงฝัก 108 เซนติเมตร ความสูงต้น 200 เซนติเมตร มีลักษณะใบยาวใหญ่ ใบตั้งปลายโค้ง กาบใบสีเขียวอ่อน มีจำนวน 22 ใบ ลักษณะดอกตัวผู้เป็นพุ่มสีชมพู อายุออกดอกตัวผู้ประมาณ 53 วัน อายุออกดอกไหม 55 วัน โดยไหมจะมีสีชมพู มีจำนวนเปลือกหุ้มฝัก 12 กาบ เมล็ดเป็นชนิดหัวแข็งมีสีส้ม จำนวนแถวต่อฝัก 16 แถว จำนวนเมล็ดต่อแถว 40 เมล็ด มีอายุเก็บเกี่ยว 110-115 วัน ขณะนี้ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ได้เสนอให้กรมวิชาการเกษตรพิจารณาเป็นพันธุ์รับรอง เพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับเกษตรกรผู้ปลูก
ข้าวโพดในอนาคต
นอกจากนี้ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ยังจัดทำโครงการบูรณาการร่วมกับจังหวัดนครสวรรค์ ในการส่งเสริมเกษตรกรระดับหมู่บ้านให้ผลิตเมล็ดพันธุ์
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 2 ไว้ปลูกเองและเพื่อการจำหน่าย นำร่องในพื้นที่ อ.บรรพตพิสัย กิ่ง อ.แม่เปิน และกิ่ง อ.ชุมตาบง ปัจจุบันเริ่มมีผลผลิตเมล็ดพันธุ์
ข้าวโพด พร้อมที่จะจำหน่ายแล้วประมาณ 7 ตัน ซึ่งเบื้องต้นได้ประสานกับสหกรณ์จังหวัดฯในการหาช่องทางการตลาดและการจำหน่าย เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยกำหนดราคาจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ไว้ที่กิโลกรัมละ 50 บาท ผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ โทร. 0-5624-1019
อ้างอิง : http://news.cedis.or.th