data-ad-format="autorelaxed">
ลิ้นจี่ เป็นไม้เขตร้อนมีต้นกำเนิดที่ประเทศจีนตอนใต้ ไปถึงทางใต้ของประเทศอินโดนีเซียและทางตะวันออกของหมู่เกาะฟิลิปปินส์ ปัจจุบันมีการปลูกลิ้นจี่ทางตอนใต้ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย
ชื่อ ลิ้นจี่ ในภาษาจีนมีความหมายว่า " ของขวัญเพื่อชีวิตที่เบิกบาน" ปัจจุบันเป็น "ผลไม้แห่งห้วงรัก" ของจีน
ลิ้นจี่ เป็น ผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน และน้ำตาล มีน้ำมันหอมระเหย และมีกรดอินทรีย์บางชนิด วิตามิน บี 1 ในลิ้นจี่ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา วิตามินบี 2 ช่วยให้ ร่างกายเจริญเติบโตป้องกันไขมันอุดตันหลอดเลือด แคลเซียมเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง อีกทั้งยังมีไนอะซีน ช่วยเปลี่ยนน้ำตาลและไขมันให้เป็นพลังงานช่วยระบบย่อยอาหาร
ลิ้นจี่ เป็นผลไม้ที่เหมาะสมกับการรักษารูปร่าง ลิ้นจี่ 1 ถ้วย (6 ผล ไม่แกะเมล็ดออก) ให้พลังงานเพียง 125 แคลอรี มีไขมันน้อยกว่า 1 กรัม ลิ้นจี่มีวิตามินบี 2 โพแทสเซียม และมีวิตามินซีสูงมาก กินลิ้นจี่เพียงวันละ 3 ผลก็ได้วิตามินซีครบถ้วนตามความต้องการใน 1 วัน เนื่องจากวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ช่วยบำรุงหลอดเลือด กระดูกและฟัน ในฤดูลิ้นจี่จึงควรกินลิ้นจี่แทนวิตามินซีสังเคราะห์สักระยะหนึ่ง
เนื้อในผล กินเป็นยาบำรุง แก้อาการไอเรื้อรัง แก้อาการคัดจมูก รักษาอาการท้องเดิน ลดกรดในกระ-เพาะอาหาร และบรรเทาอาการไม่ปกติของระบบทางเดินอาหาร
ประเทศจีนใช้ชาเปลือก ลิ้นจี่บรรเทา อาการหวัด แก้การติดเชื้อในลำคอ อาการท้องเสียอย่างอ่อน และโรคจากการติดเชื้อไวรัส เมล็ดมีฤทธิ์แก้ปวดบวม โดยใช้บดเป็นผงชงน้ำดื่ม หรือใช้พอกบริเวณมีอาการ ชาต้มรากลิ้นจี่หรือเปลือกต้นใช้แก้อาการติดเชื้อ ไวรัส อีสุกอีใส และเพิ่มความสามารถระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลิ้นจี่มีปริมาณเส้นใยอาหารสูง มีปริมาณพลังงาน ต่ำ
อ้างอิง : http://shopbegin.com/